ขึ้นชื่อว่าสังคมแล้ว เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงมนุษย์ได้ คนจากร้อยพ่อพันแม่ไม่มีทางที่จะมีทัศนคติได้เหมือนกันหมด มีเหมือนบ้าง ต่างบ้าง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งในชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ได้เลย ยิ่งต้องร่วมงานกับคน ทัศนคติ เป็นพิษเหล่านี้ที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะบ่น เครียดตลอดเวลา แทนที่จะหาทางแก้ปัญหา กลับมองปัญหาว่ามันดูแย่มาก จากปัญหามด เป็นปัญหาช้าง เมื่ออยู่ใกล้คนเหล่านี้มันยิ่งทำให้บรรยากาศขมุกขมัว อัดอั้นเหมือนมีภูเขาไฟในอกเรา และมันน่าระเบิดเอาลาวากลบพวกนั้นให้กลายเป็นปอมเปอีไปเลย หึ่ม คนแบบนี้เนี่ยมีความสามารถทำให้บรรยากาศดีๆ กลายเป็นเสียได้ในพริบตา

แต่มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ‘คนประเภทนี้จะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนมี ทัศนคติ เป็นพิษ!’ จึงทำให้เราพูดไปเท่าไหร่เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิดง่ายๆ เพราะงั้นเราต้องรู้จักรับมือ อย่าให้คนทัศนคติแบบนี้มาบั่นทอนเราได้ มารู้วิธีรับมือเมื่อเจอคนทัศนคติเป็นพิษกันดีกว่า บรรยากาศในชีวิตเราจะได้สดใสเหมือนที่เป็นอยู่เนอะ 😛

1. รับฟัง แต่ไม่อินไปกับเขา

ทัศนคติ

คนที่มีทัศนคติเป็นพิษ เขาจะมีความสามารถสูงมากในการกัดกินทัศนคติและเวลาของเรา ทำให้เราจมดิ่งไปกับปัญหาของเขา โดยที่ไม่ได้โฟกัสกับการแก้ปัญหา ซึ่งจริงๆ ถ้าเขาลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาหน่อย มันก็จะไม่ได้ดูย่ำแย่ขนาดนี้ เราจะต้องมีเส้นแบ่งระหว่าง ‘การรับฟังปัญหา’ กับ ‘การอินกับเรื่อง’ แล้วเอาตัวเองไปจมกับทัศนคติเชิงลบนั้น เรารับฟังความเห็นเพื่อช่วยหาหนทางแก้ไข ดังนั้นอย่าเอาขยะจากปากเขามาใส่ในใจเรา คิดไว้ซะว่า มา! บ่นเท่าไหร่ก็บ่นมา! ชั้นทำให้มันเป็นลมพัดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาได้ ชั้นจะไม่อิน

 

2. ให้คำแนะนำ แต่ไม่คาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

แน่นอนว่าคนประเภทที่ทัศนคติเป็นพิษมักจะมีความ Self ในตัวเองสูงมาก ต้องเข้าใจนะคะว่าคนพวกนี้เขาจะมีความคิดคนละชุดกับพวกเรา ซึ่งเขาจะไม่สามารถเข้าใจพวกเราได้ พอๆ กับเราที่ไม่เข้าใจเขา กลุ่มคนพวกนี้จะเป็นพวกเปลี่ยนความคิดเขายากมาก ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเอเวอเรสต์ เราพูดให้น้ำลายท่วมไปเถอะ เขาก็จะยังเชื่อในความคิดตัวเองว่า เนี่ย ต้องคิดแบบเขาสิ มันคือความจริง เราน่ะมันโลกสวยไป ดังนั้นการคาดหวังให้เขาเปลี่ยนเมื่อเราแนะนำไป มันจะไม่มีทางได้อย่างที่เราคิดเร็ว ๆ นี้แน่นอน การคาดหวังของเรามันเลยมีแต่จะทำให้เราสูญเสียพลังงาน และเขาอาจต่อต้านเราอีกด้วยซ้ำ เราจึงต้องเซฟตัวเองด้วยการที่ให้คำแนะนำไป ไม่บังคับเขา ให้เขาเลือกทำเอง

 

3. รู้เวลารับ เวลารุก

คนที่มีทัศนคติลบนั้นบางครั้งอารมณ์ก็ออกมารุนแรง โผงผาง ควบคุมได้ยาก ถ้าเราแรงตอบ มันก็ยิ่งเป็นการก่อไฟให้แรงขึ้นจริงไหม ซึ่งมันไม่เวิร์คเลย มีแต่จะทำให้เขาต่อต้านเรามากขึ้น รู้สึกว่าเราไม่เข้าใจเขา รู้สึกไม่ดีต่อกันอีก ช่วงนั้นเขาอาจเมนส์มา วัยทอง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสถานะที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองยาก ก็ลองยอมๆ เขาดู เข้าใจเขา เราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรหลีกเลี่ยงการปะทะ เขาแรงมา เราก็เงียบไว้ก่อน ฟังเขาก่อน และเมื่อไหร่ที่ควรจะรับมือด้วยความฉลาดทางอารมณ์ หาคำพูดดีๆ พูดกับเขา ถึงเขาจะคิดผิดแค่ไหน ก็ลองบอกว่า ‘เข้าใจ เราก็เคยคิดแบบนี้’ เพื่อทำให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจเขา แล้วเขาก็จะมีแนวโน้มเชื่อคำแนะนำเราที่จะพูดต่อได้มากขึ้นด้วยนะ

 

4. สร้างป้อมปราการให้ความสุขของตัวเอง

ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถจัดการกับคนทุกคนในแบบเดียวกันได้ เราจะมีความสุข หรือไม่มีความสุข จริง ๆ แล้วเราเนี่ยแหละเป็นคนควบคุมความสุขของตัวเอง มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ ถ้าเราเลือกที่จะไม่เอาทัศนคติแย่ ๆ ความคิดเห็นลบ ๆ มากำหนดความสุขของเรา มันก็ไม่มีอะไรมาทำลายความสุขในชีวิตเราละ เพราะงั้นเราจะปล่อยให้เรื่องของคนอื่น ทัศนคติของคนอื่นมาทำให้ชีวิตเราพังทำไมล่ะ?

 

5. โฟกัสกับการแก้ปัญหา ไม่ใช่ปัญหา

ปัญหานั้นมีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม ดังนั้น เมื่อมีคนทัศนคติเป็นพิษมาเข้าใกล้เรา เราลองชวนเขาเปิดอกคุยกัน หาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งการมองหาหนทางแก้ปัญหาจะช่วยทำให้เปิดทัศนคติเชิงบวกได้ มันอาจจะยากหน่อยสำหรับการรับฟังความคิดเห็นเราของคนพวกนี้ แต่ถ้าเราไม่ลองเลย โอกาสที่เขาจะเปลี่ยนความคิดก็เป็น 0 นะ และไม่แน่อาจเป็นการช่วยให้เขาเลิกมีทัศนคติลบ ๆ ได้ และทำให้บรรยากาศของเรากับเขามันดีขึ้น

 

6. ให้อภัย ปล่อยความคิดไป

ต้องเข้าใจว่าคนประเภทนี้เขาจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนสร้างมลภาวะแย่ ๆ ให้คนอื่น ไม่รู้ว่าตัวเองมีทัศนคติเชิงลบตลอดเวลา ดังนั้น เราอย่าไปถือสาเขามาก อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย ดีกว่ามีปัญหาต่อกัน และเป็นการทำให้เราลืมทัศนคติเชิงลบเหล่านั้นไป ถ้าเรามัวแต่คิด เก็บความคิดนั้นไว้ในใจ ขยะเหล่านั้นก็จะยังคงตลบอบอวลในใจเรา รอวันปะทุออกมา สร้างบรรยากาศเป็นพิษลุกลามต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด

เจอคนประเภทที่คิดในแง่ร้ายตลอด สร้างบรรยากาศแย่ ๆ แบบนี้มันน่าหงุดหงิดใช่ไหม แต่ในการทำงาน หรือเหตุอะไรต่างๆ ที่มันบังคับให้เราต้องแวดล้อมกับคนเหล่านี้ เราก็ต้อง ฮึ้บ! อดทน คิดว่าคำพูดเขาเป็นลม เป็นอากาศไป จริง ๆ แล้วถึงมีจะคนทัศนคติเป็นพิษเป็นร้อยล้านคน แต่ถ้าเรามีป้อมปราการ มีความคิดที่จะไม่เอาขยะใส่ลงไปในใจเรา ภาวะมลพิษแค่ไหนก็ทำลายเราไม่ได้ แค่ขอให้เราเริ่มใจแข็งที่ตัวเราก่อน อย่าไปไหลตามทัศนคติของเขา พยายามแนะนำเท่าที่เราทำได้ โดยไม่ต้องหวังหรือบังคับว่าเขาจะต้องทำแบบนี้นะ แบบนั้นนะ เพราะคนแบบนี้จะไม่เชื่อเราง่ายๆ หรอก ไม่ต้องไปหงุดหงิดกับเขา ถือว่าเราทำหน้าที่แม่พระเต็มทีแล้ว มงลงกันไปค่ะ และถ้าหลีกเลี่ยงเขาได้ ก็เลี่ยงไป จำไว้ว่า “ถ้ามีใครซักคนต้องการมีความสุขบนความทุกข์ของเรา คนๆ นั้น… ก็ไม่คู่ควร ที่จะอยู่ในชีวิตของเรา” !!!