ทำงานหนักมาทั้งปี แน่นอนว่าผู้หญิงอย่างเราก็ต้องมีการให้รางวัลชีวิตกันบ้างใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งเป็นสถานที่สวยๆในต่างประเทศด้วยแล้วยิ่งต้องรีบไปเช็คอินเพื่อให้ไม่ตกเทรนไปกันใหญ่ จริงๆแล้วการท่องเที่ยวมันก็มีหลายแบบขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน อย่างเช่นบางคนก็ชอบแบ็คแพ็คไปแบบลุยๆ บางคนก็ชอบในเที่ยวเพื่อการทำกิจกรรม บ้างก็เที่ยวแบบเน้นการกิน แต่ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวแบบไหนสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เห็นจะเป็นเรื่องของการถ่ายรูป ก็แหม! มาเที่ยวทั้งที ใครๆก็อยากเก็บภาพ เก็บบรรยากาศสวยๆของสถานที่แห่งนั้นจริงมั้ยล่ะ ดังนั้น วันนี้เราจะพาสาวๆ The Passion หยุดงานแล้วควงแขนเพื่อนๆเพื่อไปเช็คอิน พักผ่อนใน Landmark สุดหรูต่างประเทศกัน พร้อมแล้วก็เตรียมเงิน เตรียมกล้องแล้วออกเดินทางกันได้เลย!

1. ทะเลสาบสีชมพู Hiller Lake (Pink Lake) ประเทศออสเตรเลีย

สาวที่รักสีชมพู บอกเลยว่าต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะนี่คือทะเลสาบสีชมพูตัวจริงเสียงจริง ซึ่งทะเลสาบฮิลลิเออร์นี้ตั้งอยู่บนเกาะมิดเดิ้ล ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จุดเด่นของที่นี่คือน้ำในทะเลสาบมีสีชมพูคล้ายกับนมสตรอเบอรี่ยังไงยังงั้นเลย แม้จะมีทะเลสาบสีชมพูในที่อื่นๆทั่วโลก แต่ที่นี่มีข้อแตกต่างก็คือน้ำในทะเลสาบนั้นเป็นสีชมพูจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการตะกอน แสงสะท้อน หรือสาหร่ายในน้ำเหมือนที่อื่นๆ โดยหากตักน้ำออกมาไว้ข้างนอก ตัวน้ำก็ยังคงเป็นสีชมพูไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่าทำเอานักวิทยาศาสตร์งงไปตามๆกัน ซึ่งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นคิดว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในเกล็ดของเกลือนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวและขึ้นแท่นเป็นสถานที่สุดหรูที่เหล่าสาวๆต้องมาเช็คอินกันเลยทีเดียว

@dinersclubtr
@kirawieland
@svetek_cake_official

2. Pamukkale ประเทศตุรกี

สำหรับใครที่รักการว่ายน้ำแต่เบื่อบรรยากาศสระว่ายน้ำ แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ เพราะที่นี่ถือเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวสุดหรูอีกที่หนึ่งที่เหล่าสาวๆต้องมาถ่ายรูปให้ได้สักครั้งในชีวิต ด้วยว่าสถานที่แห่งนี้เกิดจากธารน้ำแร่ใต้ดินไหลรวมเป็นแอ่งน้ำหินปูน เป็นปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง มองดูเหมือนเป็นสระว่ายน้ำไร้ขอบธรรมชาติที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลล้นเอ่อผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมกันเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่สูงลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร แล้วค่อยไหลลงจากผาสูงที่กว่า 100 เมตร ขอบอกเลยว่าหากใครไม่มาแชะรูปพร้อมกับชุดว่ายน้ำคู่ใจ ถือว่าพลาดของดีกันเลยทีเดียวเชียวล่ะ

@howfarfromhome
@diana.dnkcrew
@svetlanabozhina

3. Santorini ประเทศกรีซ

หากเอ่ยชื่อนี้ไป เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักเลย เพราะ Santorini นี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆอัพลงโซเชียล ด้วยอาคารสีขาวมากมาย รูปทรงแปลกตาที่ตั้งลดหลั่นกันตามเชิงเขาสูงชัน อีกทั้งยังมีโบสถ์แสนสวยที่มียอดโดมสีฟ้าสดใส ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของที่นี่เลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกใจว่า เพราะเหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงสามารถครองใจนักท่องเที่ยวที่รักการพักผ่อนหย่อนใจให้ต้องมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปให้ได้สักครั้งในชีวิต

@priscilla.94
@eleanorexploring
@melissa.g_

4. Neuschwanstein Castle ประเทศเยอรมนี

หากสาวๆคนไหนมีความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าหญิงในนิยาย ขอแนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ เพราะพระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 นี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน ตัวปราสาทมีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยาย จนติดอันดับ  9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนโลก นอกจากนี้ปราสาทแห่งนี้ยังได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังอีกหลายๆเรื่อง และถึงแม้ว่าปราสาทยุคกลางของลุดวิกแห่งนี้จะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีที่ล้ำเข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำร้อน น้ำเย็นไปจนถึงห้องน้ำที่แสนสะอาด เรียกได้ว่าหากไปถึงแล้วไม่ถ่ายรูปเช็คอิน คงต้องเสียดายไปทั้งชีวิตเลยล่ะค่ะ

@iklimdirlik
@hiiuching
@mollykathryn_o

5. Venice ประเทศอิตาลี

ถึงกับร้องอ๋อกันเลยใช่มั้ยคะ ใช่แล้วล่ะค่ะ หากพูดถึงสถานที่สุดหรูในโลกแต่ไม่มีเมืองเวนิสเมืองนี้ก็เห็นจะกระไรอยู่ ด้วยว่าในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก โดยเวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและการค้าของทวีปยุโรปนับพันปีเพราะด้วยคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนที่มากกว่า 150 สาย อีกทั้งยังมีเรือกอนโดลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของเวนิส บวกกับอาคารที่เป็นมีสถาปัตยกรรมสวยงาม รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของชาวเมืองนี้ไว้ ทำให้เวนิสกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่งของโลก จนได้ฉายาว่า “ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก” ( The Queen of the Adriatic) หรือ “เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water) นั่นเอง

@hancooper_
@faniparavalou

6. Cristo Redentor Statue ประเทศบราซิล

สำหรับรูปปั้นพระเยซูที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา Corcovado นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมและเก็บความประทับใจของความยิ่งใหญ่นี้กลับไป ซึ่งนอกจากยอดเขา Corcovado จะสูงจากเมืองริโอ เดอจาเนโร ถึง 2,300 ฟุตแล้ว รูปปั้นพระคริสต์ที่คอยมองเมืองนี้อยู่ทุกๆ วัน ยังถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องอยากไปถ่ายรูปด้วยสักครั้งในชีวิต

fly2let.co.uk
@kethllenbarreto

7. Colosseum ประเทศอิตาลี

อีกหนึ่งสถานที่ที่หากมาอิตาลีแล้วไม่มาเยี่ยมชมที่นี่เห็นทีว่าจะมาไม่ถึง ด้วยว่าโคลอสเซียมแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐ และหินทราย วัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร และสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 55,000 คน ซึ่งแสดงถึงศักยภาพอันชาญฉลาดของมนุษย์ในยุคโบราณ ที่สามารถคิดค้นออกแบบสนามกีฬารูปทรงนี้ออกมาได้ ซึ่งการที่โคลอสเซียมมีรูปวงรีแบบนี้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา อีกทั้งยังได้อรรถรสในการชมกีฬาอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ด้วยแนวคิดอันชาญฉลาดนี้เอง ทำให้โคลอสเซียมกลายมาเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบันนั่นเอง

@chiarabarrasso
@crispy9

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสถานที่ที่เราเอามาฝากสาวๆกันวันนี้ อย่างที่เราทราบกันดีว่าการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆของโลกถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเรา อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์และการเรียนรู้จักซึ่งกันและกันระหว่างเรากับคนที่เราไปด้วยอีกด้วย ดังนั้นหากสาวๆคนไหนที่อยากให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง ก็ควรหาเวลาพักผ่อน ชวนเพื่อนสาวหรือคนรู้ใจไปเที่ยวสักครั้ง รับรองได้เลยว่ากลับมาสาวๆจะได้แรงบันดาล อีกทั้งมิตรภาพที่เราไม่สามารถหาได้จากไหนได้แน่นอนค่ะ