ผู้หญิงเราร้อยทั้งร้อยก็ฝันอยากจะใส่ชุดแต่งงานสวยๆ เป็นเจ้าหญิงกันซักครั้งในชีวิตแหละเนอะ ซึ่งถึงแบรนด์ชุดแต่งงานสวยๆ จะมีให้เล็งเป็นร้อยๆ แบรนด์ แต่ถ้าจะให้โดนใจจริงๆ มันก็ต้องสวยผู้ดี ปักละเอียดยิบแบบ ชุดแต่งงานโอต์กูตูร์ สิ!
วันนี้ The Passion ขออาสาพาสาวๆ ก้าวเข้าสู่โลกแฟชั่นชั้นสูงกับ 9 แบรนด์ ชุดแต่งงานโอต์กูตูร์ สุดปราณีต พร้อมเทคนิคกับปักและตัดเย็บที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา และคุ้มราคาแพงแน่นอน!
1. Elie Saab
เปิดตัวแบรนด์แรกกันที่ Elie Saab ห้องเสื้อชั้นสูงจากดีไซน์เนอร์ชาวเลบานอน ที่นิยมทำชุดราตรีเป็นส่วนใหญ่ แล้วแต่ละชุดคือระดับที่ดาราฮอลลีวู้ดจับจองเอาไปใส่ประชันโฉมในงานพรมแดงเลย ชุดของ Elie Saab ปราณีตมาก ดีเทลจัดเต็ม เน้นสีสันตุ่นๆ ไม่ฉูดฉาด ดูหรูและผู้ดี ผ้าซีทรูฟูๆ เน้นเลเยอร์ งานปักระยิบระยับ จุดเด่นของแบรนด์นี้คือเข็มขัดที่จะช่วยเน้นสัดส่วนให้สาวๆ ดูมีทรวดทรงขึ้น ยิ่งพออยู่คู่กับกระโปรงยาวกรอมพื้นแล้ว ยิ่งดูสูงเพรียวขึ้นไปอี๊กกก ชุดหมั้นสุดปราณีตของชมพู่ อารยาที่สาวทุกนางชื่นชมก็มาจากแบรนด์นี้นะ
2. Zuhair Murad
คนเลบานอนนี่เค้าจะทำชุดราตรีเก่งกันทุกคนไม่ได้นะ!! ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าคุณ Zuhair Murad ก็เป็นอีกหนึ่งดีไซน์เนอร์ชาวเลบานอนที่ดังไปทั่วโลก ชุดของแบรนด์นี้ปราณีตสุดๆ ด้วยลูกไม้ปักมือ มีดีเทลโชว์ผิวเนื้อเซ็กซี่แต่ก็ยังดูหรู รูปแบบชุดส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่กระโปรงหางปลา ก็เป็นกระโปรงทรง Sheath ตรงยาวแล้วมีกระโปรงสุ่มซีทรูทับอีกชั้นให้ดูมีเลเยอร์ เพิ่มความหรูหราฟู่ฟ่า แถมยังทำให้ดูหุ่นเพรียวด้วย โอ๊ยยยรัก สาวไทยหลายคนรู้จักห้องเสื้อนี้เพราะชุดที่แม่ชมพู่ อารยา หยิบไปใส่เดินพรมแดงคานส์
3. Ralph and Russo
แบรนด์สัญชาติอังกฤษที่ก่อตั้งในปี 2007 โดยคู่รัก Tamara Ralph และ Michael Russo ที่ตั้งใจจะทำชุดโอต์กูตูร์ชั้นสูงออกมาครองใจสาวๆ เซเล็บทั่วโลก ซึ่งก็ต้องกระเป๋าหนักอยู่พอสมควรนะจ๊ะ เพราะชุดบางตัวราคาสูงถึง $500,000 หรือราว 17.5 ล้านบาท!! แพงขนาดนี้คุณภาพก็ต้องคุ้มราคาสิ จุดเด่นของ Ralph and Russo อยู่ที่เนื้อผ้าที่อ่อนนุ่มและพริ้วไหว ไปจุดถึงชุดที่เน้นโครงสร้างเพื่อโชว์เทคนิคการตัดเย็บ ซึ่งชุดที่เราเอามาให้ชมกันนี้ก็มีสไตล์หลากหลายมากเลยนะสาวๆ ว่ามั้ย?
4. Ashi Studio
อีกหนึ่งห้องเสื้อของดีไซน์เนอร์ชาวเลบานอนที่เปิดตัวในปี 2007 ในประเทศบ้านเกิดก่อนจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเพราะชุดเค้าดีไซน์ล้ำ มาก จ้า!!! พูดถึงดีไซน์ล้ำๆ เรามักจะเห็นชุดของอชิมีโครงสร้างที่ชัดเจน เป็นทรงค่อนข้างแข็งๆ หน่อย ไม่พริ้วเหมือนแบรนด์อื่น แต่ก็ดีที่อยู่ตัวสวยงาม เน้นชุดสีพื้นสีเดียวกันทั้งชุดเป็นหลักอย่างสีขาวและสีเบจ แต่เพิ่มดีเทลด้วยลวดลายปราณีตสุดคลาสสิค ใส่ออกมาแล้วสง่าเหมือนสตรีชั้นสูงเลยแหละ ผลงานของ Ashi Studio ถูกขนานนามว่าเป็น “งานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง”
5. Marchesa
เป็นอีกแบรนด์ที่บรรดาเซเล็บมากมายหยิบไปใส่ในงานพรมแดงกับพรึ่บ! Marchesa มีชุดราตรีหลายสไตล์ให้เลือกเลย ตั้งแต่ชุดตัวดังที่เป็นงานปักสีเงินและเพชรระยิบระยับ มาพร้อมเครื่องประดับชิ้นโต ที่ถ้าเจ้าสาวคนไหนหยิบมาใส่ออกงานคงจะแซ่บฉีกทุกกฎเกณฑ์ชุดแต่งงานไปเลย หรูจะเป็นชุดกระโปรงผ้าซีทรูเล่นเลเยอร์เป็นชั้นๆ กับงานปักดอกไม้สุดปราณีต และล่าสุดเค้ามีทำชุดดอกมีไฟแล้วนะ น่ารักด้วยครีเอทอ่ะ!
6. Giambattista Valli
เรื่องชุดใหญ่อลังต้องยกให้เค้า! Giambattista Valli ห้องเสื้อจากดีไซน์เนอร์ชาวอิตาลี่ ที่เรื่องความกระโปรงฟูๆ เลเยอร์จัดเต็มหลายชั้น ผ้าเบาๆ พริ้วๆ ดูอลังการแต่ก็แฝงความน่ารัก ครีเอทีฟไว้ข้างใน ใครอยากเล่นใหญ่ในวันแต่งงาน (แต่ก็จะดูสวยเด่นแซงแขกทุกคนแบบคูณสองไปอี้ก) แบรนด์นี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่น๊อนนน!
7. Saiid Kobeisy
มาถึงแบรนด์ที่สาวไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จักกันบ้าง ห้องเสื้อ Saiid Kobeisy ก่อตั้งในปี 2002 ในกรุงเบรุทโดยดีไซน์เนอร์ชาวเลบานอนอีกแล้ว! หนุ่มประเทศนี้เค้าทำชุดราตรีกันสวยเหลื้อออเกินค่ะคุณ ซึ่งคุณ Saiid เค้าเล่าว่าแรงบันดาลใจในการทำชุดของเค้าคือการนำเอาวัฒนธรรมเลบานนอนไปผสมกับของต่างชาติ อ่ะ ไปดูเอาเลยค่ะว่าชุดสวยดีเทลแน่นแค่ไหน!!
8. Ziad Nakad Haute Couture
โอ๊ยยย ห้องเสื้อเลบานอนอีกแล้วค่าาาคุณผู้ชม คุณดีไซน์เนอร์ Zaid นี่เค้าเป็นตัวจริงที่หลงใหลเรื่องผ้าเอามากๆ ของที่ว่าดีที่สุดเท่านั้นที่เค้าจะเลือกมาทำชุด ชุดราตรีของเค้าจะเน้นงานปักผ้าทับอีกชั้นเพื่อสร้างดีเทลแบบนูนต่ำ บอกกับงานปักเลื่อม ลูกปัดละเอียดยิบ ดีไซน์ดีเทลยิบย่อยของชุดออกมาได้มีเอกลักษณ์และสวยน่ามองมากๆ และถึงเราจะไม่ได้ยินชื่อแบรนด์นี้กันบ่อยๆ แต่ Ziad Nakad นี่ไม่ได้ดังแค่ในวงแคบนะจ๊ะ เค้าเป็นที่ยอมรับ ได้ไปโชว์ไกลถึงงาน Paris Haute Couture เลย
9. Georges Hobeika bridal
และแบรนด์สุดท้ายของเราก็มาจากเลบานอนอีกแล้ว โดยดีไซน์เนอร์ชาวเลบานีสรุ่นเก๋า ที่ประวัติน่าสนใจมากจากการเป็นนักเรียนวิศวกรรมโยธามาก่อน แล้วเพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองมีแพสชั่นเรื่องแฟชั่น หลังจากบินไปปารีสช่วงสงครามเลบานอน นางก็ได้ไปเป็นเด็กฝึกงานของ Chanel ห้องเสื้อระดับโลก ทำให้นางแน่ใจแล้วว่า ชั้นน่ะเกิดมาเพื่อแฟชั่น!! ซึ่งปรัชญาแบรนด์ Georges Hobeika ก็คือ “ความเป็นผู้หญิง ความโรแมนติค และความสง่างาม” และชุดทุกชุดของทางแบรนด์ก็ทำตามปรัชญานี้ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแหละ ดูอย่างกระโปรงกลีบดอกไม้สิ คือสวยสง่า ทำให้คนใส่กลายเป็นเจ้าหญิงได้เลย!