ในชีวิตการทำงานที่แสนจะวุ่นวาย มีหลายครั้งที่เรานั้นเครียดกับงานหรือกับชีวิตส่วนตัวที่ยุ่งเหยิงโดยไม่รู้ตัว จนบางครั้งก็รู้สึกท้อแท้กับชีวิต รวมไปถึงคนรอบตัวได้อย่างดื้อ ๆ และนั่นไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อตัวของสาว ๆ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเราได้อีกด้วย
บางคนอาจตั้งคำถามว่าชีวิตที่ยุ่งเหยิงขนาดนี้หากขาดแรงบันดาลใจเข้าสักวันจะทำอย่างไรดีล่ะ แล้วงานเยอะก็ยิ่งไม่มีเวลาจะออกไปเที่ยวหรือออกไปทำกิจกรรมอะไรเลย ขนาดเวลาจะกินอาหารยังแทบไม่มี สาว ๆ คะ จริงหรอที่เราไม่มีเวลาขนาดนั้น มันก็อาจจะจริงที่เรายุ่งนะ แต่ว่าตัวเราก็ต้องแบ่งเวลาไปพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ไม่อย่างนั้นสุขภาพดี ๆ ที่เรามีก็จะพลอยพังไปด้วย ดังนั้นวันนี้เพื่อเห็นแก่สุขภาพและความงามของสาว ๆ The Passion เราจึงจะพาสาว ๆ มาหาแรงบันดาลใจจาก 5 หนังดี ๆ ที่คว้าใจผู้หญิงมาแล้วทั้งโลก เชื่อว่าหากดูจบไฟที่กำลังมอดในตัวของสาว ๆ จะต้องลุกโชนขึ้นมาอย่างแน่นอน
# Breakfast at Tiffany’s (1961)
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่รักแฟชั่นการดีไซน์ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าต้องไม่พลาดหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะ Breakfast at Tiffany’s ถือเป็นหนังคลาสิกที่เป็นแรงบันดาลใจกับผู้หญิงได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตัวของนักแสดงในเรื่องที่เป็นแรงบันดาลให้กับการออกแบบของเหล่าดีไซน์เนอร์ในยุคนั้นอย่างมากมาย เพลงประกอบที่ได้รับรางวัลออสการ์อย่างเพลง Moon River และการแจ้งเกิดของ ออดรีย์ เฮปเบิร์น นักแสดงนำในเรื่องที่โด่งดังเป็นพลุแตกและกลายเป็นดาวค้างฟ้าในวงการหนังคลาสสิกมาจนถึงทุกวันนี้
# How to Lose a Guy in 10 Days (2003)
อย่าคิดนะคะว่ามีแค่ผู้ชายฝ่ายเดียวที่ต้องทนกับพฤติกรรมที่น่ารำคาญของฝ่ายหญิง จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นตัวผู้หญิงเองที่ตั้งใจทำพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา เพื่อให้บรรดาผู้ชายอย่างคุณ ๆ หนีเธอไปก็ได้!
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รวบรวมพฤติกรรมสุดงี่เง่าของผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายถึงกับส่ายหัว เรื่องราวของหนุ่มเบ็นที่ไปพนันกับเพื่อนว่าจะทำให้สาว ๆ มารักเขาภายใน 10 วันให้ได้ ซึ่งเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ก็คือแอนดี้ แต่เบ็นกลับไม่เคยรู้เลยว่าสาวเป้าหมายที่เขาตั้งไว้นั้น แท้จริงแล้วกำลังเขียนคอลัมน์หนึ่งที่เกี่ยวกับสารพัดวิธีการที่ทำให้ผู้ชายชิ่งหนีเธอไปภายใน 10 วันเช่นกัน เรื่องนี้สนุกตรงที่ต่างฝ่ายต่างต้องพิชิตมิชชั่นของตัวเองและดันเป็นมิชชั่นที่ตรงข้ามกันเสียด้วย หากสาว ๆ คนไหนที่ได้ดูเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องมองเห็นตัวเองและได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างความสัมพันธ์รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองแน่นอนเลยค่ะ
# Ice Princess (2005)
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับสาว ๆ ทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน ยิ่งหากเป็นสาว ๆ ในยุค 90 ยิ่งแล้วเชื่อว่าต้องไม่พลาดหนังเรื่องนี้เป็นแน่ โดยเรื่องราวในนี้พูดถึงเด็กสาวม.ต้นที่แม่บังคับให้เรียนอย่างหนักเพื่อให้ได้ทุนไปต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างฮาร์วาร์ด และตัวเธอเองก็ดันเป็นนักเรียนดีเด่นในสาขาฟิสิกส์เสียด้วย หากแต่จุดเปลี่ยนในชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอเข้าไปทำโปรเจกต์วิชาฟิสิกส์ที่ลานสเกตและได้ทำการทดลองโดยการเล่นสเกตน้ำแข็งด้วยตัวเอง ทำให้เธอค้นพบตัวเองว่าแท้จริงแล้วตัวเธอไม่ได้อยากจะเป็นนักศึกษาในสาขาที่ตัวเองถนัด แต่แท้จริงแล้วความฝันของเธอคือการเป็นนักกีฬาสเกตต่างหาก เธอต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมายเพื่อพิสูจน์ความฝันของตัวเอง ทั้งการต่อต้านของแม่ ความอิจฉาของเพื่อน ๆ ด้วยกันเองหรือแม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างเธอและโค้ชของเธอเอง สำหรับสาว ๆ ที่กำลังตามหาความฝันและไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำได้หรือไม่ ลองไปดูหนังเรื่องนี้นะคะ บอกได้เลยว่าเป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจในการเดินตามเป้าหมายของเราได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
# The Devil Wears Prada (2006)
สำหรับคนที่ต้องกำลังเดินตามความฝัน เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วรับรองได้ว่าต้องได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไปแน่นอน เรื่องราวของ “แอนดี้” ที่มีความฝันอยากเป็นนักหนังสือพิมพ์แต่ดันต้องมาทำงานเป็นผู้ช่วยของมิแรนด้า บรรณาธิการบริหารของนิตยสารแฟชั่นทรงอิทธิพลที่เฮี๊ยบที่สุด นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นอุปสรรคในการทำงานที่เธอต้องเจอ และแม้ว่าเธอจะต้องเจอบททดสอบสุดหินเพียงใด แอนดี้ก็ไม่เคยหยุดความฝันของตัวเองที่จะต้องเป็นนักหนังสือพิมพ์ตามที่เธอตั้งไว้ให้ได้ สิ่งที่เธอทำได้นั้นมีเพียงแค่การเดินหน้าต่อไป เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้มิแรนด้ายอมรับในตัวเธอเท่านั้น หากใครที่รู้สึกหมดไฟในการทำงานหรือไม่มีกำลังใจจะเดินหน้า แนะนำให้ลองไปหาหนังเรื่องนี้มาดูกันนะคะ รับรองเลยว่าต้องได้ข้อคิดดี ๆ และแรงบันดาลใจอย่างเหลือล้นกลับไปอย่างแน่นอน
# Love, Rosie (2014)
คอหนังรักต้องไม่พลาดเรื่องนี้ เรื่องราวมิตรภาพดี ๆ ของ‘โรซี ดันน์’ และ ‘อเล็กซ์ สจ็วต’ ที่ทั้งสองคนนั้นเป็นสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน มีความใฝ่ฝันที่จะทำทุก ๆ อย่างด้วยกันแม้กระทั่งการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน หากแต่เรื่องวุ่น ๆ ดันเกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน โดยอเล็กซ์ต้องก้าวไปสู่สังคมใหม่ที่ปราศจากโรซี และที่สำคัญทั้งสอง ไม่มีใครที่เปิดเผยความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับรู้ จากความรู้ที่ใช่กับคนที่ใช่ก็เริ่มค่อย ๆ ห่างกันออกมา ลองไปติดตามกันนะคะว่า ทั้งสองจะจัดการกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของกันและกันอย่างไร สำหรับคนที่กำลังหาหนัง Feel good ที่สร้างความประทับใจในเกี่ยวกับเรื่องราวความรักอยู่ เรื่องนี้คือเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ !