ในยุคที่การลงทุนมีการผันผวนและมีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะลงทุนกะทองคำ Bitcoin หุ้นอะไรตั่งต่าง! ผู้หญิงเราอย่างเราคงจะไม่เชี่ยวชาญเท่าผู้ชายหรอกค่ะ เราต้องมีWayในการลงทุนของเรา และคงไม่มีอะไรที่จะเหมาะไปว่า การลงทุน “กระเป๋า” ปังๆ ซักใบ ที่ราคาไม่มีลงค่ะ มีแต่ขึ้นกับขึ้น ที่สำคัญใส่ไปไหนมาไหนได้อีกด้วย และนี่คือรายชื่อ กระเป๋าที่ควรลงทุน ซื้อไว้(เพื่อขาย) ค่ะ
1. Louis Vuitton Neverfull
เริ่มจากใบแรกที่สาวไทยรู้กันอย่างดี Louis Vuitton รุ่น Neverfull ที่ออกมาในปี 2007 เป็นกระเป๋าที่ไม่ใช่แค่สวย และคลาสสิค แต่ยังใส่ของได้จุใจ ใส่ได้ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ใบเดียวขนของได้ทั้งบ้าน จึงไม่แปลกใจว่าคนหิ้วกระเป๋าใบนี้กันเยอะเหลือเกิน(ทั้งของแท้และของก๊อป) กระเป๋า Neverfull รุ่นปังๆ ต้องเป็นลาย Monogram หรือ ดามิเย่(ตาราง)คลาสสิค ที่ใส่ได้ในวันนี้จนถึงอีก100ปีข้างหน้า เสียงเล่าเสียงลือจากแฟชั่นนิสต้าทั้งหลายที่มั่นใจในเรื่องความทนทาน ที่คุ้มค่าคุ้มราคา แบบนี้ต้องจัด
กำไร : 65-80% ของราคาที่ซื้อมา
2. Chanel Classic Flap
กระเป๋าที่ทรงคุณค่าแก่การลงทุนจาก Chanel ดัดแปลงมาจากต้นฉบับ รุ่น 2.55 ที่ออกแบบโดย Coco Chanel ในปี 1955 กระเป๋า Classic Flap เป็นผลงานของ Deisgner คนปัจจุบัน คือ Karl Lagerfield ทำจากหนังแกะเย็บอย่างสวยงาม ที่มีความพิเศษตรงตัวล็อคกระเป๋ารูป CC สัญลักษณ์ของแบรนด์ และโซ่คล้องที่แซมกับหนัง เป็นกระเป๋าที่ไม่มีวันตกยุค และราคาก็ไม่มีวันตกเช่นกัน
กำไร : 70% ของราคาที่ซื้อมา
3. Hermes Birkin
นี่คือกระเป๋าที่คุ้มค่ากว่าการลงทุน หุ้นและทอง Hermes Birkin คือกระเป๋าที่ใครมีแล้วเป็นเศรษฐีได้เลยค่ะ ต้นกำเนิดของกระเป๋าใบนี้ เกิดจากดาราสาว Jane Birkin ที่ไปเจอกับ เจ้าของแบรนด์ Hermes โดยบังเอิญบนเครื่องบิน ชีก็บ่นกับเขาว่า “อยากได้กระเป๋าหนังดีๆ ไว้ใช้ในวันหยุดพักผ่อนบ้างจัง” แล้วไม่กี่อาทิตย์ต่อจากนั้น Hermes Birkin ก็กำเนิดขึ้นมา Hermes Birkin เป็นกระเป๋าที่บ่งบอกอย่างแท้จริงว่า คนรวยเท่านั้นที่ใส่ เพราะหนังของกระเป๋าทำมาจากจระเข้ (Hermes เป็นเจ้าของฟาร์มเอง) ด้วยราคาอันแสนแพง และความต้องการที่มากมายจากทั้งโลก ดังนั้นถ้าสาวๆอยากได้ Hermes Birkin สามารถไปสั่งที่ร้านได้เลย แต่ก็ต้องลงชื่อรอนะคะ เพราะว่าคิวของเค้ายาวมาก ขนาดดาราฮอลลีวูดยังรอกันเป็นปีๆกว่าจะได้มาครอบครอง
กำไร : 14.5% ของราคาที่ซื้อ คูณด้วย จำนวนปีที่ซื้อมา
4.Lady Dior Bag
กระเป๋าจาก Dior ตั้งแต่ปี 1994 เน้นความคลาสสิคตลอดกาล ซึ่งก็เป็นไปตามคาด กระเป๋ารุ่นนี้ดังเป็นพลุแตกเมื่อ เจ้าหญิงไดอาน่า แห่ง Wales หิ้วกระเป๋าใบนี้ติดตัวไปทุกที่ เดิมทีกระเป๋ารุ่นนี้ชื่อ Chou Chou แต่เปลี่ยนชื่อเป็น Lady dior เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Lady Diana ด้วยการเย็บหนังอย่างสวยงามปราณีต มีซิป และขนาดกำลังดี ว่ากันว่านี่คือขั้วตรงข้ามของ Chanel Flap Bag ที่ดูเรียบง่าย คลาสสิค เข้ากับทุกชุดทุกโอกาส และมีความเป็นเจ้าหญิงเหมือนกับ Lady Diana
กำไร : 14% ของราคาที่ซื้อ
5.Prada Galleria
กระเป๋ารุ่นบุกเบิกแบรนด์ของ Prada หรืออีกชื่อ Saffiano lux กระเป๋าที่เจ้าของแบรนด์อย่าง Mario Prada ออกแบบและจดสิทธิบัตรเรียบร้อย ด้วยรูปร่างที่คลาสสิค มีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการไปเที่ยว หรือใส่ไปทำงานทำให้กระเป๋าใบนี้เป็นสินค้าคลาสสิคตลอดกาลของ Prada นอกจากนี้ความเก๋ของกระเป๋าใบนี้ คือความทนทานของหนัง ที่นำมาผ่านความร้อน จนได้ลายนูนเป็นเส้นสวยงาม ป้องกันน้ำ และป้องรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้กระเป๋าใบนี้ถึกทน คงสภาพเดิมอยู่หลายปี เป็นกระเป๋าที่ซื้อมาแล้วไม่ต้องทะนุถนอมมาก และขายต่อง่ายอีกด้วย
กำไร : 15- 20% ของราคาที่ซื้อ
6.Mulberry Alexa Bag
แบรนด์ดังจากอังกฤษ ที่เน้นความตอบโจทย์กับ Lifestyle เป็นที่สุด ซึ่งทำให้กระเป๋า Mulberry ใช้ง่าย ใช้สบาย ถูกจริตผู้หญิงมากๆ กระเป๋าใบดังอย่าง Alexa Bag รุ่นนี้ เป็นงานร่วมมือระหว่าง Alexa Chung ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในแวดวงแฟชั่นอังกฤษ เพราะเธอเป็นทั้งนางแบบ นักเขียน พิธีกรรายการ และดีไซน์เนอร์ การร่วมมือในครั้งนี้จึงทำให้กระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋ายอดนิยมไปโดยปริยาย เพราะAlexa chung เป็นคนที่มีสไตล์ที่ผู้หญิงทั่วโลกเห็นแล้วอยากจะแต่งตาม ดังนั้นกระเป๋าใบนี้มีสายสำหรับทั้งสะพายและถือ มีน้ำหนักเบา ทนทาน และมีขนาดใหญ่ ทำให้ปรับเข้ากับลุคทำงาน ไปเที่ยว ได้อย่างลงตัว
กำไร : 65% จากราคาที่ซื้อ
7. Chanel Boy bag
กลับมาที่ Chanel กันอีกรอบ คำว่า Boy ในรุ่นนี้มาจากชื่อของ Boy Capel คนรักของ Coco Chanel กระเป๋ารุ่น Boy เปิดตัวในปี 2011 เป็นกระเป๋าสะพายข้าง ให้ลุคหรูหราซึ่งเราทุกคนรู้จักและชื่นชอบ มีให้เลือกสามสีขนาดและเนื้อผ้าต่างๆกัน ถึงขั้นที่ใช้ชื่อคนรักของชาแนลมาเป็นรุ่นกระเป๋า มันย่อมไม่ธรรมดา ราคาก็เช่นกัน
กำไร : 40% จากราคาที่ซื้อ (รุ่นคลาสสิก)
หลายคนอาจจะจาลุกเป็นไฟแล้ววิ่งไปซื้อกระเป๋าแบบนี้โดยทันที แต่ช้าก่อนค่ะ กระเป๋าพวกนี้จะมีราคาสูงขึ้นเมื่อวันและเวลาผ่านไป ดังนั้นต้องมั่นใจว่าสามารถรอเวลาได้ เพื่อที่จะถอนทุนคืน โดยหาช่องทางการซื้อขายที่เหมาะสม เพื่อจะได้ราคาที่งาม สุดท้ายเราขอฝากวลีเด็ดไว้ว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาศึกษาคู่มือความเป็นไปได้ ก่อนลงทุนทุกครั้งนะคะ”