เชื่อว่าสาวๆ น่าจะเคยได้ยินชื่อ ‘โทนเนอร์’ (Toner) กันมาบ้าง ซึ่งเราคิดว่าสาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเจ้าโทนเนอร์ Toner คืออะไร มันเอาไว้ใช้ทำอะไร จำเป็นที่จะต้องใช้หรือเปล่า เอาเป็นว่าเราตามมาไขข้อข้องใจ ข้อสงสัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับโทนเนอร์กันเลยดีกว่าค่ะ
Toner คืออะไร เอาเข้าจริงๆ เราว่าผู้หญิงบางคนก็ยังไม่รู้หรอก ว่าเอาไว้ใช้ทำไร หรือว่าจำเป็นต้องใช้มั้ย ซึ่งเราก็มักจะได้โทนเนอร์และคลีนซิ่งคู่กันบ่อยๆ สาวๆ บางคนเลยคิดว่ามันน่าจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน จะใช้ตัวไหนก็ได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ … ของสองตัวนี้คือคนละตัวกัน คุณสมบัติก็ต่างกัน เอาเป็นว่าเรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ว่าโทนเนอร์นั้น จริงๆ แล้วเอาไว้ใช้ทำอะไร
โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการทำความสะอาด หรือชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้าของเรา หลังจากการทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่ง หรือโฟมล้างหน้า ซึ่งนอกจากคุณสมบัติที่จะช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เจ้าโทนเนอร์นี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนการทาครีมบำรุงผิว เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และสร้างสมดุลให้กับผิวหน้า ลดความมัน กระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลงสู่ผิวได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของสาวๆ ด้วยนะคะ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโทนเนอร์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โทนเนอร์ขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น น้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ฝุ่นละออง หรือแม้กระทั่งเมคอัพตกค้างที่คลีนซิ่งล้างออกไม่หมด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ อีกประเภทคือ โทนเนอร์บำรุงผิว ซึ่งมักจะมีวิตามิน เกลือแร่ และสารบำรุงผิวต่างๆ ที่จะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน สาวๆ มาลองเช็คกันดีกว่าค่ะ ว่าสาวๆ มีสถาพผิวแบบไหน แล้วควรจะเลือกใช้โทนเนอร์แบบไหนถึงจะเหมาะกับสภาพผิว
สำหรับสาวๆ ผิวธรรมดา – ผิวผสม – ผิวมัน ควรเลือกโทนเนอร์ที่ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดสิว
ส่วนสาวผิวธรรมดา – ผิวแห้ง ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเลือกโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ ซึ่งสาวๆ ผิวธรรมดาอาจจะใช้โทนเนอร์ แค่เฉพาะตอนเย็นก็ได้ค่ะ
สุดท้ายคือสาวๆ ที่ผิวมีปัญหาเรื่องริ้วรอยต่างๆ สาวๆ ควรเลือกโทนเนอร์ที่ทั้งปกป้องผิว มอบความชุ่มชื้น และผลัดเซลล์ผิวได้ในขวดเดียวกัน ซึ่งราคาก็อาจจะค่อนข้างแรงนิดนึง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติเราว่าคุ้มอยู่นะ !
สำหรับสาวๆ ที่เริ่มใช้โทนเนอร์เป็นครั้งแรก เราอยากจะแนะนำให้เริ่มใช้โทนเนอร์แบบสองถึงสามวันต่อหนึ่งครั้งก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้นเป็นหนึ่งครั้งต่อวัน หรือสองครั้งต่อวัน ( เช้า-เย็น ) เพื่อให้ผิวหน้าของสาวๆ ได้มีโอกาสปรับตัวให้เริ่มคุ้นชินกับโทนเนอร์ จนสามารถใช้เป็นประจำได้ทุกวันจะดีกว่าค่ะ สำหรับสาวๆ ที่ผิวหน้ามีความคุ้นเคยกับโทนเนอร์แล้ว หรือมีปัญหาผิวหน้าไม่มาก อาจจะลองใช้โทนเนอร์แค่เฉพาะจุดที่มีปัญหาก็ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับการใช้โทนเนอร์นั้น เรามีวิธีใช้ง่ายๆ มาฝากสาวๆ กันค่ะ เผื่อสาวๆ ที่มีโทนเนอร์อยู่แล้ว หรือเพิ่งไปสอยมาแบบสดๆ ร้อนๆ แต่ยังไม่ทราบวิธีใช้ … ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าต้องใช้ยังไงกันบ้าง เริ่มไปพร้อมๆ กันเลยยยย
- ขั้นแรกสาวๆ ควรเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น
- สาวๆ โดยควรใช้โทนเนอร์ร่วมกับสำลีเช็ดหน้า โดยเลือกใช้สำลีชนิดแผ่นแทนสำลีแบบก้อน เพราะสำลีแบบแผ่นจะสามารถเช็ดทำความสะอาดเข้าถึง และทั่วถึงได้ทุกซอกทุกมุมของใบหน้า อีกทั้งการใช้สำลีทำความสะอาดก็ย่อมสะอาดกว่านิ้วมือ แต่สำหรับสาวๆ บางคนที่อาจจะมีผิวที่ค่อนข้างแพ้ง่ายนั้น เช่น แพ้เส้นใยของสำลี ก็ควรใช้นิ้วมือและฝ่ามือค่อยๆ ลูบไล้และกดโทนเนอร์ให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือที่สุด ซึ่งความอุ่นบนมือของเราจะช่วยผลักโทนเนอร์ได้เช่นกัน
- สำหรับสาวๆ ที่ใช้โทนเนอร์ร่วมกับสำลี ให้สาวๆ วางแผ่นสำลีพาดระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนาง จากนั้นใช้นิ้วชี้และนิ้วก้อยหนีบปลายแผ่นสำลีให้อยู่มือ ขั้นต่อมาคือ ให้สาวๆ นำโทนเนอร์หยดใส่บนแผ่นสำลีให้ได้ขนาดเท่ากับเหรียญสิบบาท
- เมื่อสาวๆ หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีให้ได้ขนาดพอเหมาะ และจับสำลีถนัดมือแล้ว ให้สาวๆ ค่อยๆ ใช้สำลีเช็ดหน้าทีละครึ่งหน้า เพื่อให้ง่ายต่อการจำ ซึ่งจะทำให้เราเช็ดโทนเนอร์ไปกับผิวหน้าได้ทั่วถึงจริงๆ โดยให้สาวๆ เริ่มเช็ดจากกลางหน้าผากออกไปด้านข้างหนึ่งรอบ จากนั้นเช็ดลงมาตามแนวสันจมูก เช็ดแก้ม และคาง จากนั้นเริ่มจากข้างจมูกออกด้านข้าง ทำเป็นสามแนวให้เริ่มจากแนวต่ำกว่าใต้ตา
- ซึ่งหลังจากที่สาวๆ เช็ดเสร็จแล้วไม่ต้องล้างหน้าออกนะคะ สาวๆ สามารถทาครีมบำรุงผิวต่อได้เลย