Ruffle แฟชั่นสุดอลังการที่มาเติมเต็มลุคให้สวยแซ่บแบบไม่ต้องแคร์แอคเซสเซอร์รี่
Ruffle เป็นแฟชั่นยุคเก่า แบบเก่าเวอร์ สมัยยุค 50 ได้ สมัยก่อนการดีไซน์เสื้อโดยการใช้เทคนิคนี้ มีเพื่อเสริมบุคลิกของผู้ใส่ให้ดูดีมีสง่า และเป็นแฟชั่นที่ใส่ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ซึ่งในปัจจุบันเราอาจจะไม่ได้เห็นผู้ชายแต่งตัวสไตล์นี้กันแล้ว แต่สำหรับผู้หญิงนั้นเรายังคงเห็นใส่กันบ้าง แถมตอนนี้กระแสขึ้นมาอีก เรียกว่าหันไปทางไหนก็มีแต่คนใส่เลยก็ว่าได้ ทำให้ตอนนี้รูปแบบของเสื้อผ้าที่ใช้ลูกเล่นผ้าระบาย ออกมาเยอะแยะมากมาย แล้วเดี่ยววันนี้เราจะพาไปรู้จักแต่ละแบบกัน
:: Off Shoulder ::
‘เสื้อเปิดไหล่’ เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่นิยมในบ้านเรามาก ๆ เพราะมีความน่ารักและความเก๋อยู่ในตัว การเล่นลูกเล่นด้วยแขนระบาย นอกจากช่วยให้ลุคของเราไม่เรียบง่ายเกินไปแล้ว ยังเป็นลูกเล่นที่ช่วยพรางตาให้สาว ๆ ที่มีหน้าอกหน้าใจน้อยด้วยนะคะ
:: Off One Shoulder Tops ::
แฟชั่นตัวนี้อาจจะยังแมสสักเท่าไหร่ แต่ในเหล่าเซเลบต่างประเทศ หรือเซเลบในเมืองไทยหลายคนก็เลือกใส่เสื้อสไตล์นี้บ้างเวลาออกงาน ความปังของตัวนี้อยู่ที่ความมีเลเยอร์เป็นชั้น ทำให้เสื้อเปิดไหล่มันอลังการมากกก เป็นความแซ่บที่แบบไม่ต้องเครื่องประดับก็ดูจัดเต็ม
:: Sleeve ::
ดีงามมาก ๆ กับเสื้อหรือเดรสที่ใช้การจับจีบมาเป็นกิมมิค โดยดีเทลที่เป็นระบายจะมาอยู่ในส่วนของแขนเสื้อจะมี 2 แบบหลัก ๆ คือ การทำแขนเสื้อแบบเป็นชั้น ๆ ไปเลย กับอีกวิธี คือการใส่ยางยืดให้กับแขนเสื้อตามจุด เวลาที่เราอยากให้แขนพองก็ใช้วิธีดึงแขนเสื้อขึ้นมา เท่านี้เราก็แขนเสื้อเป็นชั้น ๆ ฟู ๆ ดูจัดเต็มได้แล้ว
:: Skirt ::
กระโปรงที่ใช้เทคนิค Ruffle มาเป็นลูกเล่นก็ดูน่าสนใจใช่เล่น มีทั้งที่ทำเป็นชั้น ๆ เพิ่มระดับให้กับความจัดเต็ม หรือจะเป็นเฉพาะชายกระโปรงหวาน ๆ สุดน่ารัก จับคู่กับเสื้อยืดธรรมดา ๆ ใส่กับผ้าใบหรือคัชชูก็ดูเข้ากันทันทั้งคู่
:: Wrap Dress ::
เป็นอะไรที่ผสมผสานกันได้ลงตัวมากกกกก ความเก๋ของ Wrap Dress ดีไซน์ที่มากกว่าแค่เดรสทั่วไป เพราะถูกเสริมความหวานให้ดูแพงมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนมากเลเยอร์ชั้นๆที่เพิ่มความปังนี้จะอยู่ที่ชายกระโปรงกับคอเสื้อ ไม่ต้องจับจีบใหญ่มาก แต่น้อย ๆ แต่ดูปังมาก
ไหนๆ เราก็จะแซ่บทั้งที ก็ต้องแซ่บให้สุดกันไปเลยจริงมั้ยคะ เราเลยมีอีกไอเท็มเพิ่มความแซ่บมาให้สาวๆได้ไปตำกัน นั่นก็คือ ลิปสติกสีแดงก่ำๆนั่นเอง เพราะสาวๆ จะมาปากซีดในชุดนี้ก็ไม่ได้เนอะ ไปดูกันดีกว่าจะมีแบรนด์ไหนบ้าง ตามมาเลยยย
– YSL ROUGE PUR COUTURE THE MATS สี 212 ALTERNATIVE PLUM –
มากันที่แบรนด์แรกกับลิปสติกสีแดงก่ำ เนื้อแมตต์ที่ไม่แห้งจนเกินไป ปาดทีเดียวรู้เรื่อง เนื้อสีชัด ทาง่ายเนื้อลื่น แท่งลิปสติกสีทองแบบกูตูร์ ให้ความหรูหรามากเว่อร์ คือแค่หยิบออกมาใช้ก็ปังแล้ว
– ราคาประมาณ 1500 บาท –
– Fenty beauty Stunna Lip Paint Longwear Fluid Lip Color สี Uncensored –
ลิควิดลิปสติกเนื้อซอฟท์แมตต์ที่มาพร้อมพิกเม้นท์แน่น ติดทนนาน 12 ชั่วโมง ลิปสีแดงที่เข้าได้กับสาวๆ ทุกโทนสีผิว เนื้อบางเบา สบายริมฝีปาก เนื้อดีเกลี่ยง่าย
– ราคาประมาณ 960 บาท –
– M.A.C Retro Matte Lipstick สี Ruby Woo –
จะไม่มีแบรนด์นี้ก็คงไม่ได้เพราะนางดังในเรื่องของลิปสติกพอๆ กับรองพื้นเลย ตัวนี้จะมีความเป็นลิปสติกเนื้อแมตต์ แต่มีความชุ่มชื่น สีสวยเม็ดสีคมชัด แถมยังติดทนนาน ไม่ตกร่องด้วย
– ราคาประมาณ 850 บาท –
– Colourpop Ultra Matte Liquid Lipsticks สี Arriba –
ลิปสติกอีกแบรนด์ที่มีความติดทนดีเว่อร์ เม็ดสีก็แน่น ชัดไม่แพ้แบรนด์อื่น แต่ด้วยความเป็นเนื้อแมทตต์อาจจะแห้งไปหน่อย สาวๆคนไหนปากแห้งก็อาจจะต้องทาลิปมันหรือลิปบาล์มบำรุงกันนิดนึงเนอะ
– ราคาประมาณ 400 บาท –
– Wet N Wild สี 911D Stoplight red –
ตัวสุดท้ายก็ต้องแบรนด์ถูกและดีเช่นเคย กับแบรนด์ Wet N Wild ลิปสติกตัวนี้จะบอกว่าเม็ดสีนางแน่นนะ ไม่ได้ด้อยกว่าแบรนด์แพงๆเลย แต่เรื่องการติดทนก็ต้องตามราคาโน้ะ
– ราคาประมาณ 139 บาท –