หลายคนอาจพอคุ้นหน้าคุ้นตา เธอคนนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะหากคุณเป็นชาวสีรุ้งที่ชอบผจญภัยแถวสีลม เชื่อว่าคงต้องเคยเห็นโชว์สุดติ่งกระดิ่งแมวของ Amadiva กันมาบ้าง 

The Passion จึงขออาสาพามารู้จักกับ ‘ออม-ปัถวี เทพไกรวัล’ หรือที่แฟนๆ รายการ Drag Race Thailand Season 1 รู้จักกันในชื่อ Amadiva กันให้มากขึ้น กับเส้นทาง 1 ปีของการเป็น Drag จากที่เขียนคิ้วไม่เป็น ทำชุดไม่ได้ แต่วันนี้บอกเลยว่าเธอคื Drag สายเอ็นเตอร์เทนอันดับท็อปๆเลยทีเดียว!

 

ทำไมถึงต้องเป็น “Amadiva”

“ตอนแรกเราจะสมัครไอจี เออแล้วเราก็ต้องมีชื่อเก๋ๆ แต่เราไม่อยากจะใช้ชื่ออีเมลที่เราสมัครตอนป.1 ซึ่งมันจะเป็นตราบาปเราตลอดชีวิต ก็เลยคิดชื่อขึ้นมา ชื่อเล่นเราชื่อออม เราก็เลยแบบ Om a diva มาจากเพลง Diva ของ Beyonce ”

ปัจจุบัน

“ปัจจุบันทำอาชีพ Drag แสดงโชว์อยู่ที่ The Stranger Bar สีลมซอย 4 นอกจากนี้ เราก็ยังเป็นนักละครเวทีอาชีพ”

@omadiva

Drag คืออะไร

“สำหรับเรา Drag คือศาสตร์ของการแต่งหญิง มันเริ่มมาจากอเมริกา เริ่มมาจากการแต่งหญิงแสดงละครเวที บางคนก็อาจจะบอกว่า Drag มาจากการที่กระโปรงยาวมากจนลาก (drag) ไปกับพื้น ต่อมามันก็ค่อยๆ กลายมาเป็นวัฒนธรรมย่อยๆที่แฝงเข้ามาในสังคมเกย์ จริงๆ มันก็คือการแต่งหญิงเอ็นเตอร์เทนคนดู”

Drag VS Cabaret

“บางคนอาจจะบอกว่า Drag ไม่ใช่นางโชว์ แต่สำหรับเรามันไม่ต่างกันเลย สำหรับเรา Drag Queen คือคนที่ลิปซิงก์โชว์ในบาร์ที่อเมริกา ซึ่งตอนนี้มันไปไกลกว่านั้น บางที Drag Queen บางคนก็ไปเป็นนางแบบ เดินแบบ เป็น Influencer คือเขาทำได้หลายอย่างแล้ว”

“เราคิดว่านางโชว์เป็น subset ของคำว่า Drag แต่เขาอาจจะไม่ได้แต่งหน้าเต็มขนาดเรา เพราะว่าสำหรับเรานางโชว์คาบาเร่ต์ เขายังอยากจะสวยเหมือนผู้หญิงอยู่”

@omadiva

ทำไมเลือกเป็น Drag

“ตอนแรกเราทำละครเวที พอเราเรียนจบกำกับละครเวที เราก็ค้นพบว่าเราควรจะมีละครของตัวเอง แต่มันไม่เคยมีบทที่เราอยากเล่น เราก็เลยทำละครเรื่องหนึ่งขึ้นมาเป็นแบบเล่นคนเดียวชื่อปลาสีรุ้ง แล้วจู่ๆ ก็มีรายการติดต่อมา ให้แข่ง Drag”

รายการ Drag Race Thailand

“เราทำมาปีเดียว เรารู้ว่าเราโดนดูถูกแน่ ตอนที่เราเข้ามาในรายการนี้ เราทำอะไรไม่เป็นเลย เราไล่ถามทุกคน คือเราไม่มั่นใจอะไรเลย เราเอาตัวรอดไปวันๆ ทุกครั้งที่เรารอด ไม่ต้องลิปซิงก์ เรารู้สึกเลยว่าเรา take space คนอื่น เรารู้สึกว่าเราไม่ควรอยู่ตรงนี้ เพราะทุกคนทำมาเป็นสิบๆ ปี แล้วเราเป็นใครไม่รู้ เข้ามาอยู่ตรงนั้น แล้วเราก็ทำอะไรไม่เป็น”

@omadiva

“ตอนนั้นเราเสียใจ แต่เราก็พยายามลองผิดลองถูก พยายามเป็น Drag ที่ประหลาด ลองทุเรศให้สุด แล้วก็ค้นพบว่าไม่เวิร์กยังไงก็ไม่มีใครยอมรับอยู่ดี บางทีเราก็ลองแต่งสวยดูบ้าง เราพยายามลองทุกทางให้เขายอมรับ”

“ถึงวันนี้ เราก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าทุกคนยอมรับเราขนาดไหน แต่เรามีความสุขมากที่มาอยู่ตรงนี้ได้ เราว่าเราเดินทางไกลมากในเวลาปีกว่า Drag เราพัฒนามาก เราใส่ผมที่ดีขึ้น เราแต่งหน้าดีขึ้น เรา perform ดีขึ้นเยอะ แล้วคนยอมรับเราเยอะขึ้น เราเริ่มมีงานเข้ามา เราว่าการข้ามผ่านมันไปไม่ยาก ถ้าเราอยากเก่งจริงๆ เราก็ต้องฝึก ถ้าเราฝึกจริงๆ มันก็จะได้ผลเอง”

เป็น Drag ลำบากไหม

“Drag ไม่ใช่เรื่องที่สบายอะไรทั้งสิ้น หน้าก็หนา เราจะรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลือบหน้าเราตลอดเวลาเพราะเราพอก บางทีเราอยากจะเอวสับๆ เราก็ใส่คอร์เซ็ทรัดๆ แล้วเราก็ต้องแต๊บ เวลาเรานั่ง ก็จะนั่งทับไข่ตัวเอง ซึ่งมันจะเจ็บมาก มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมณ์ ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี เราต้องใส่ถุงน่องประมาณ 5-6 ชั้น พร้อมกับแผ่นฟองน้ำ ถ้าเราจะเข้าห้องน้ำ เราต้องเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ในการแต่งตัว ต้องใส่ส้นสูงทุกวันต้องนวดประมาณอาทิตย์ละครั้ง มันไม่เคยสบายเลย”

โชว์ที่ชอบ

“ก็ชอบทุกโชว์แหละ เพราะฉันสวย อย่างรอบที่แล้วเราเล่น A Whole New World เพราะหนังเพิ่งเข้า เราก็แต่งเป็นจัสมินไปเลย ฉันก็แบบจะทำยังไงดี ฉันต้องได้ภาพแบบนั่งอยู่บนพรม ฉันเลยตัดก้อนเมฆ ฉันก็ตัดดวงดาว ฉันก็ตัดพระจันทร์ แล้วก็ลิปซิงก์ไปเรื่อยๆ เดินยื่นๆ ให้คนดู พอถึงโมเมนต์หนึ่ง ทุกคนก็ หนึ่ง สอง สาม ปึ้ง ทุกคนสร้างท้องฟ้าให้ฉัน มันน่ารักมาก แต่ปกติคือฉันจะเดินไปเรื่อยๆ ฉันจะจูบลูกค้า ฉันก็จูบคนประมาณหกคนในสามนาที ซึ่งฉันทำไม่ได้ในชีวิตจริง”

@omadiva

ได้อะไรบ้างจาการเป็น Drag 

“ได้เยอะค่ะ ก็ได้เพื่อน ได้งานเยอะแยะ บางทีคนก็จะรู้สึกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำอะไรต่างๆ เพราะว่าเราเป็น Drag ที่ไม่สวย จริงๆ แล้ว แฟนคลับฉันจะเป็นแบบ เป็นพวกแบบชอบอะไรแปลกๆ ชอบอะไรประหลาดๆ ชอบเอเลี่ยน ชอบสิงสาราสัตว์ คือถ้าเขาชอบ Drag ธรรมดา ก็จะไปคนอื่นที่แบบสวยงาม ผมดี แต่งหน้าสวย ฉันทำไม่ได้ใช่ปะ ฉันเลยขายแปลก ขายประหลาด ขายทุเรศทุรัง แล้วก็จะมีคนที่ชอบแบบเนี้ยแหละ แล้วเขาก็แบบเออยูทำให้เรารู้สึกว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นแบบนี้”

Drag ในดวงใจ

“Drag ในดวงใจ ถ้าเอา Rupaul’s Drag Race ก็ง่ายๆ เลย Jinkx Monsoon เพราะเขาเป็น Theatre Queen เหมือนเรา เขาเล่นมิวสิคคัล เขาทำละครเวทีเหมือนเรา เป็นคนวินเทจๆแก่ๆเหมือนเรา”

ชุดวันนี้

“แต่งให้สวย จริงๆ ชุดนี้เป็นลุค Carmen Miranda จริงๆ ฉันมีเครื่องหัวที่เป็นผลไม้ด้วย สไตล์แบบชนเผ่า ต้องโพกหัวด้วย แล้วต้องใส่ถุงมือ เพราะว่าขนแขนเยอะ แล้วขี้เกียจโกนก็เลยต้องใส่ถุงมือ ทำดูชิคๆ แต่จริงๆ ปิดความชั่วร้ายของตัวเอง”

คาแรคเตอร์ที่อยากแต่ง

“อยากแต่งตัวสวย เพราะเราเป็นคนเล่นตลก พยายามเล่นเพลงสวยแล้วก็ตลกอยู่ดี ฉันว่าสักวันหนึ่งฉันจะต้องมีโมเมนต์ที่ฉันสามารถยืนอยู่ข้างบนเวที แล้วเชื่อมั่นว่าตัวเองสวยพอที่คนจะมองเราลิปซิงก์เพลงช้าไปเรื่อยๆ จนจบได้”

@omadiva

คำสอนของคุณยาย

“ช่วงแรกที่เราทำ Drag เรางกมากเลย Drag มันเป็นงานใช้เงิน ชุดหนึ่งก็ตัดเป็นพัน สร้อยข้อมือ อีกอะไรอีก แต่เราก็ค่อยๆ ซื้อทีละอย่างสองอย่าง เพราะเรากลัวการสูญเสีย เรากลัวความเสี่ยง จนถึงโมเมนต์หนึ่ง เรานึกถึงยาย ยายก็พูดว่าซื้อๆ ไปเหอะ”

“วันหนึ่งเราก็ตัดสินใจว่าเราต้องลงทุน ถ้าอยากจะเอาดีด้านนี้จริงๆ มีโมเมนต์หนึ่งเราหอบเงินมาเลยก้อนหนึ่ง แล้วเราก็ซื้อชุด ซื้อๆๆๆๆๆๆ มันเป็นเรื่องโง่ๆ เลย แค่อยากรักก็ต้องเสี่ยง เรารู้สึกดีใจที่เราข้ามความงก ข้ามความกลัวที่จะโดนปฏิเสธตรงนั้นมาได้”

ออม VS อมาดิว่า

“ไม่ต่างอะไรกันเลย แค่พอฉันแต่งหญิงแล้วฉันรู้สึกว่าฉันทำอะไรก็ได้ แต่พอฉันเป็นผู้ชาย เรากลับมาเป็นตัวเอง เราใช้ชีวิตปกติ แต่พอเราเป็น Drag แล้วเราทำงานอะ เราต้องเอนเตอร์เทนคน เราแต่งตัวขนาดนี้แล้ว ถ้าเราไม่เอนเตอร์เทนคน เราก็ไม่รู้จะทำอะไร Drag เหมือนเป็นร่างที่มีเอนเนอจี้ของฉัน เราชอบตัวเองเวลาเป็น Drag เพราะเรากล้าที่จะทำอะไรเยอะขึ้น เรากล้ามากขึ้นที่จะเป็นตัวเอง ฉันสามารถทำอะไรประหลาดๆ ได้ แล้วคนจะให้อภัยฉัน”

Drag คือ ความสุข

“เราภูมิใจที่เรายังเป็น Drag อยู่ เรารักละครเวที เรารักการแสดง จนวันนี้เราเป็น Drag Queen ซึ่งฉันจบกำกับการแสดงมา แล้วฉันก็ไม่ได้ใช้ความรู้ที่ฉันเรียน ออกมาทำตรงนี้ แต่ฉันได้ทำ ฉันดีใจที่ฉันได้ทำ มันคือความสุขของฉัน”

@omadiva

กำลังใจสำคัญ

“ครอบครัวค่อนข้างซัพพอร์ทเรามาก อย่างทุกวันนี้ฉันก็ใช้เครื่องสำอางของแม่ จริงๆ ฉันมีพี่ชายด้วยนะ หล่อมาก หล่อจนทุกคนอยากให้เป็นเกย์ แต่เสียใจด้วย พี่ฉันแต่งงานแล้ว”

เคยอกหักบ้างมั้ย?

“ฉันแอบชอบชายแท้ตลอดเลย แล้วก็นกตลอดเลย ชอบแล้วก็บอกเขาด้วยนะ แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกินเหล้ากันไปเรื่อยๆ ซึ่งฉันก็โอเคนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

“ฉันโดนเทมาเยอะจนชินแล้ว จริงๆ ออมไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลยนะ พอเจอผู้ชายแล้ว ฉันไปไม่เป็น คือมันกลัวไปหมด ไม่ใช่ว่าฉันกลัวนก แต่ฉันเกรงใจเขา ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันทำอย่างนี้เขาจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า เขาจะเกลียดฉันหรือเปล่า มัวแต่พะวงจนไม่เคยทำอะไรเลย สุดท้ายฉันก็ยืนเฉยๆ เราไม่เคยมั่นใจเลยว่าจะมีคนมาชอบเราด้วยซ้ำ”

@omadiva

“ความรักไม่ใช่เรื่องผิด การที่เราไปชอบชายแท้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เรา respect เขา เราชอบการที่เราอยู่ในชีวิตเขา เราชอบตัวเองที่ได้อยู่ในชีวิตเขา เราบังคับเขาให้มาชอบเราแล้วมันได้อะไรขึ้นมา เราว่าถ้าจะอยู่กันอย่างมีความสุขได้ เราต้อง respect เขา เขาจะชอบอะไรก็ชอบไป เราจะชอบอะไรเราก็ชอบไป เราชอบเขา เราก็บอกเขา เขาไม่ชอบเรา เราก็บอกเขา ทุกอย่างมันก็ง่ายๆ แค่นั้น”

 

@omadiva

กะเทยต้องตลก ?

“ฉันเป็นคนตลก หยาบคาย ชอบพูดเรื่องเซ็กซ์ เป็นทุกอย่างที่เขาบอกว่ากะเทยเป็น แต่คำถามคือฉันผิดหรือเปล่าที่เป็นอย่างนี้ ฉันโอเคกับชีวิตตัวเอง ฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน”

“ฉันก็คือกะเทยที่ถูก stereotype ไปหมดแล้ว แต่ว่าฉันก็ยังมีโมเมนต์ที่เป็นมนุษย์เหมือนที่คนอื่นเป็นกัน”

@omadiva

เป้าหมายในชีวิต

“ความฝันจริงๆ แล้ว เราอยากทำงานต่างประเทศ ฉันอยากกำกับละครเวทีที่ต่างประเทศ เพราะฉันเคยแต่เล่น ฉันอยากกำกับงานสักงานแล้วได้ทัวร์ อันนี้คือสิ่งที่ฉันตั้งเป้าหมายไว้อีกประมาณสองสามปี ฉันต้องได้ไป อย่างน้อยๆ เวียดนามก็ต้องได้ เวียนนา ญี่ปุ่น”

ละครเวทีคือความฝัน

“จริงๆ เราทำละครมาตลอดนะ เราทำมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เราเล่นเป็นอองซอม(ตัวประกอบ) เล่นละครกับดรีมบอกซ์เธียเตอร์ เล่นเรื่องดรีมเกิล์ล เฟรมเดอะมิวสิคคัล ปริศนาเดอะมิวสิคคัล แล้วเราก็เรียนละครเวที เริ่มเล่นละครเวทีโรงเล็กที่จัดตามหอศิลป์ ตามห้องเล็กๆ ตามชุมชน แต่ก็เล่นมิวสิคคัลบ้าง ฟิสิคัลเธียเตอบ้าง คอนเทมโพรารีแดนซ์บ้าง”

@omadiva

ฝากถึงใครที่อยากเป็น Drag

“เริ่มก่อน ถ้าอยากเป็น เราก็ต้องลองทำ Drag มันไม่สามารถจะแบบลองวันนี้พรุ่งนี้สวย เดินเข้าไปในผับแล้วโชว์ได้เลย กว่าเราจะได้โชว์ เราไปนั่งอยู่ร้านที่เราทำตอนนี้ เราไปเที่ยวร้านนั้นบ่อยๆ เป็นปีเลยนะ พยายามเดินไปขอเขาโชว์ แต่เขาไม่เห็นไงว่าเราทำอะไรได้ จนวันหนึ่งเขาเห็นเราแต่งหญิง มันใช้เวลาเป็นปี กว่าที่เราจะเข้าใจว่าแบบถ้าอยากทำอะไรก็แค่เริ่ม เริ่มงกๆ เงิ่นๆ ก็ได้ เริ่มแบบทุเรศทุรังก็ได้ เริ่มแบบไม่มีปัจจัย ไม่มีทุนทรัพย์ก็เริ่มไปเลย รอบตัวมีอะไรก็หยิบมาใช้ มันต้องลอง ไม่ต้องสวยก็ได้”

“Drag ไม่เคยเกี่ยวกับความสวย ไม่เคยเกี่ยวกับว่าเธอโชว์ดีหรือเปล่า ไม่เคยเกี่ยวกับว่าเธอจะสามารถทำอะไรบ้าง Drag เกี่ยวกับเธอเป็นใคร เธออยากเป็นใคร เธอรู้สึกแบบไหน เธออยาก portray ให้โลกเห็นยังไง Drag ให้อิสระกับเธอแบบนั้น ถ้าเธออยากเป็นคนแต่งหน้าทุเรศ ลุคพังๆ แต่งตัวเหมือนแม่บ้าน ก็ทำ ถ้ามันเป็นเรา”

” Drag ไม่ได้ทำให้คนอื่นรักเรามากขึ้น แต่ Drag ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น “