การแต่งกายด้วยอาภรณ์งามแต่ไร้ซึ่งเครื่องประดับคงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบไม่ได้ ประโยคนี้สาวๆอาจจะเข้าใจกันดี และหากจะมองหาเครื่องประดับสักชิ้นที่เป็นแบรนด์ยอดนิยมอันมีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และความหรูหราซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อีกทั้งยังเป็นโด่งดังระดับตำนานที่มีชื่อเสียงก้องโลก แน่นอนว่า “คาร์เทียร์” คงเป็นแบรนด์ต้นๆที่ปรากฏขึ้นอยู่ในใจของใครหลายคน วันนี้ The Passion ขอพาทุกคนมาย้อนรอยตำนานร่วม 170 ปีของตำนาแบรนด์ “คาร์เทียร์” ใครอยากรู้แล้ว ไปชมกันเลยค่ะ
1847 ณ กรุงปารีส
“คาร์เทียร์” ร้านเพชรเล็กๆที่ถูกก่อตั้งโดยหลุยส์–ฟรังซัว คาร์เทียร์ ในปี 1847 ณ กรุงปารีส แต่เดิมนั้นเขาขายแค่เครื่องประดับเล็กๆน้อยจำพวกจี้หรือเข็มกลัดมุกธรรมดา จนกระทั่งในปี 1870 โดยเวลายุคนั้นเป็นช่วงที่ชาวยุโรปกำลังให้ความสำคัญกันการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ผู้คนเริ่มสนใจสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงได้มีนักออกแบบนำความเป็นธรรมชาตินั้นมารวมกับการสรรสร้างเครื่องประดับ ทำให้เกิดเป็นเครื่องประดับที่มีลักษณะเลียนแบบธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เช่น ดอกไม้ นก เครื่องประดับบางส่วนนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องประดับและศิลปะโบราณอย่างโรม รัสเซีย ทำให้เครื่องเพชรของคาร์เทียร์นั้นได้รับความนิยมไม่น้อยในกลุ่มชนชั้นกลางไม่น้อยเลยทีเดียว
ในปี 1906 สามพี่น้องคาร์เทียร์ คือ หลุยส์ ปิแอร์ และฌาค ได้เข้ามาช่วยกันบริหารกิจการอย่างเต็มตัว จนทำให้ชื่อเสียงของคาร์เทียร์ถูกเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักออกไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น เพราะหลุยส์ซึ่งเป็นพี่ใหญ่นั้นมีความสนใจเรื่องของแบบคนเดียว ทำให้เกิดงานแบบการ์แลนด์อันเป็นที่นิยม ต่อมาพวกเขาตัดสินใจจ้าง “ชาร์ลส์ ฌาค” นักออกแบบมาความสามารถที่ถึงขั้นทำให้คาร์เทียร์เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากขึ้น โดยทำให้เครื่องประดับของคาร์เทียร์ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องประดับแบบอาร์ตเดโตเลยทีเดียว เพราะเขานำเอาศิลปะจากอินเดีย ญี่ปุ่น และจีนเข้ามาใช้สำหรับงานออกแบบ ดังนั้นบรรดาสินค้าต่างๆของคาร์เทียร์ โดยเฉพาะเครื่องประดับและนาฬิกานั้น ถือได้ว่าเป็นสินค้าแบบอาร์ตเดโคตะวันตกเลย ก็ว่าได้ และดังนั้นสินค้าของคาร์เทียร์ที่มีลักษณะดูสง่า สวยงามและประณีตล้วนเป็นอิทธิพลจากการออกแบบของชาร์ลส์ ฌาคนั่นเอง
หลังปี 1922 ได้มีการขุดค้นพบหลุมศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน อิทธิพลของประวัติศาสตร์โลกในครั้งนั้นทำให้งานของคาร์เทียร์เริ่มออกไปทางอียิปต์ คือนำรูปแบบและศิลปะอียิปต์เข้ามาผสมผสานกับเครื่องประดับและสิ่งของที่เป็นแบบยุโรป
L’Odyssée de Cartier
อีกหนึ่งคนที่ทรงอิทธิพลและสานนามของคาร์เทียร์ให้มั่นคงและกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศของโลกนั้นก็คือ “ทูซอง” เขาเปรียบเสมือนมือซ้ายขวาของหลุยส์คาร์เทียร์เลยทีเดียว เพราะเขาเป็นผู้ออกแบบเสือดาวรุ่นใหม่ของคาร์เทียร์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และคนแรกที่สั่งเสือรุ่นนี้ คือ ท่านดยุคแห่งวินเซอร์ นอกจากนี้เจ้าเสือนี้เองที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์ ถ้าสาวกคนไหนที่ติดตามภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ระดับมหากาพย์ของคาร์เทียร์อย่าง L’Odyssée de Cartier ที่ปล่อยออกมาเพื่อบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ คุณค่า และแรงบันดาลใจที่ใช้ในการสรรสร้างผลงาน สิ่งแรกที่เห็นในฉากเปิดก็เป็นเจ้าเสือดาว และน้องเสือดาวนี่เองที่ภายหลังถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ทูซองยังเป็นคนที่เริ่มหันมาหาเครื่องประดับและสินค้าสำหรับคุณสุภาพสตรี เพราะในช่วงศตวรรษที่ 19 คาร์เทียร์มักจะผลิตสินค้าสำหรับผู้ชายมามาก อีกทั้งยังเป็นผู้ผลักดันเรื่องของการผลิตนาฬิกาของคาร์เทียร์อีกด้วย โดยมี “มอริช คูเอ็ด” ผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเรื่องของการประดิษฐ์นาฬิกามาร่วมด้วยอีกแรง
ทูซองถือว่าเป็นผู้ที่นำคาร์เทียร์ให้ถึงจุดสุดยอดแห่งการเป็นจ้าวเครื่องประดับ เพราะในช่วงเศษฐกิจโลกกลหนตกดิ่งอันเป็นผลมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคาร์เทียร์ ด้วยหลุยส์และฌาค คาร์เทียร์ได้จากไปแล้ว ดังนั้นคาร์เทียร์จึงต้องพยายามทำให้ชื่อเสียงของคงอยู่ และไปได้อย่างดี เป็นทูซองเองที่ยังทำงานให้กับคาร์เทียร์จนวาระสุดท้ายของเขาในปี 1978
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาร์เทียร์ถูกถักทอร้อยเรียงมาอย่างทรงคุณค่า เป็นรากฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่งสืบมาจนถึงปัจจุบัน รู้อย่างนี้แล้ว หลายๆคนคงอยากจะคว้ากระเป๋าตังค์ กุญแจรถออกไปซื้อคาร์เทียร์สักชิ้นมาครอบครองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อดใจอีกนิดนะคะ เพราะวันนี้ The Passion ยังมีสินค้าบางส่วนของคาร์เทียร์มาให้ชมด้วย เผื่อใครที่อยากจะใช้ในการช่วยตัดสินใจนะจ๊ะ
เริ่มต้นด้วย แหวน Orbite ที่มีหัวเป็นเพชรรูปครึ่งวงกลมประมาณ 5 กะรัต ประกบกันโดยมีตัวแหวนเป็นเส้นคั่น ล้อมด้วยแถบทองคำขาว ประดับด้วยทับทิมสีสดตัดสลับเพชรรอบวง
มาต่อกันด้วยกำไลทองคำขาวรูปแบบใหม่ที่จะแสดงในชุดเครื่องประดับของ Résonancesของ Cartier ที่ได้รับการตีพิมพ์ในสร้อยข้อมือ Twisting Light โดยกำไลตัวนี้มีทังสเตนอยู่เพียง 4.72 กะรัตเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นกำไลทองคำขาวเกือบ 100 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว อีกทั้งยังประดับด้วยเพชรรอบตัวกำไลอีกด้วย
“มงกุฎ” นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเลอค่าที่บรรดาเหล่าขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จำต้องมีไว้ประจำตน เช่นเดียวกับเจ้าหญิงเคทที่ทรงสวม “ฮาโล เทียร่า” ชิ้นนี้ในพระราชพิธีเสกสมรสเมื่อปี 2011 ซึ่งมงกุฏชิ้นนี้ถูกผลิตโดยแบรนด์ Cartier ซึ่งพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงสั่งซื้อมาในปี 1936 เพื่อเป็นของขวัญในวันครบรอบให้แก่พระชายา ต่อมาควีนอลิซาเบธ(ควีนมัม) ซึ่งควีนอลิซาเบธก็ได้ประทานมงกุฎนี้ให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธนั่นเอง
“Toussaint necklace” อีกหนึ่งเครื่องประดับล้ำค่า ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เห็นจะเป็น “สร้อยคอ Toussaint necklace” สร้อยคอประดับเพชรสุดหรูหราของร้านเพชร Cartier ที่นักแสดงสาว Daphne Kluger รับบทโดย Anne Hathaway ที่สวมเข้างาน MET Gala จนกลายเป็นเป้าหมายของ Debbie Ocean ผองเพื่อนทีมจารกรรมสาวเฉพาะกิจนั่นเอง โดยสร้อยคอ ฌาณ ตูซองต์ เส้นนี้ถูกผลิตจากแบรนด์ Cartier จริงๆ โดยเดิมทีสร้อยคอเส้นนี้เคยได้รับการขนานนามว่า “สร้อยคอที่เพชรสีถูกเรียงร้อยลดหลั่นได้งดงามที่สุด” เพราะประดับด้วยเพชรน้ำงาม Queen of Holland เป็นเพชรสีฟ้าใสขนาด 136.25 กะรัตเป็นอัญมณีเม็ดหลัก รายล้อมไปด้วยเพชรอีกจำนวนมาก สำหรับสร้อยเพชรในเรื่องนี้เป็นการจำลองสร้อยคอ ฌาณ ตูซองต์ที่ Jacques Cartier ออกแบบถวายมหาราชาแห่งแคว้น Nawanagar ในปี ค.ศ. 1931 นั่นเองค่ะ
“Eurythmie” สร้อยข้อมือลายคลื่นน้ำอันโดดเด่น หนึ่งในคอลเลคชั่น Cartier’s Résonances ชุดเครื่องประดับอัญมณีเลอค่า ที่มีลูกเล่นเปลี่ยนสีทุกครั้งที่มีการขยับข้อมือ ตัวนี้ประดับด้วย lapis lazuli ด้านหนึ่งและเพชรในอีกด้านหนึ่ง
อีกหนึ่งเครื่องเพชรทองคำขาวรูปตัว V ซ้อนเป็นชั้นพัดในรูปแบบของสร้อยคอแบบ Rhythmic ชิ้นงามในคอลเลคชั่น Résonances de Cartier เด่นด้วยรูปทรงและจี้เพชรงามสง่า
Carbonado แหวนทองคำขาวที่ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กล้อมรอบรวมกับรูปทรงอ่อนช้อยประหนึ่งน้ำที่กำลังไหลกระเพื่อมสั่นไหว ประดับเด่นด้วยเพชรทรงแพร์สีนิลขลับเคียงคู่กับเพชรสีใสตัดกันอย่างลงตัว เพิ่มความโดดเด่นให้อีกเท่าตัว
สร้อย Ecume ที่ประดับล้อมด้วยเพชรและไข่มุกธรรมชาติ ระย้าลงมายังจี้ห้อยที่เป็นเพชร Fancy Yellow briolette อีก 74.42 กะรัต ด้วยเพชรสีเหลือง สีขาว และไข่มุกทั่วผิวสร้อยคอนั้นประหนึ่งประกายไฟอันเจิดจรัสยอมต้องแสง อีกหนึ่งในคอลเลคชั่น Résonances de Cartier เครื่องประดับรูปทรงที่น่าเกรงขามด้วยมรกตตัดทรงหลังเบี้ยประดับเด่นล้อมรอบด้วยเพชรรูปเรขาคณิตเรียบง่ายแต่น่าประทับใจ แต่จุดเด่นของเครื่องประดับชิ้นนี้เห็นจะเป็นมัลติฟังก์ชั่น คือสามารถสวมใส่ได้สองวิธี นั่นคือ เป็นได้ทั้งมงกุฏและสร้อยคอ
