ใครว่าผู้หญิงซิ่งไม่ได้! วันนี้ The Passion ขอชวนสาวๆ มาลบภาพที่ว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับการขี่รถมอเตอร์ไซค์ และการขี่รถเป็นกิจกรรมของผู้ชาย เรามีโอกาสได้มาทำกิจกรรมผู้หญิ๊งงงงผู้หญิง (หรอ!) นั่นก็คือการได้มาเข้าคลาส เรียนขี่ Bigbike ครั้งแรกกับ Royal Enfield ซึ่งเค้าจัดงานนี้ขึ้นเพื่อสาวๆ โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันของผู้หญิงจริงๆ ค่ะ
ต้องบอกก่อนว่านอกจากจักรยานแล้ว ชีวิตนี้เราก็ขับยานพาหนะอะไรไม่เป็นอีกเลย แต่ส่วนตัวแล้วอยากขี่มอเตอร์ไซค์เป็นมากนะ เพราะเดินทางไปไหนสะดวก อย่างเวลาไปเที่ยวนี่ เช่ามอเตอร์ไซค์ขับเล่นเป็นทางเลือกที่ดีต่อใจที่สุดแล้ว พอวันนี้ได้มาลองขับมอเตอร์ไซค์ level advance อย่างบิ๊กไบค์คันโตก็ตื่นเต้นสุดๆ! (ตื่นเต้นว่าขาจะถึงมั้ย?! 5555)
มาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ Royal Enfield เริ่มต้นคอร์สเทรนด์สั้นๆ 1 วันนี้ด้วยการอบรมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบิ๊กไบค์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเรียนในห้องหรือออกไปดูสาธิตจริงๆ ติดขอบสนาม หลังจากนั้นก็ถึงเวลาลองขับจริงๆ แล้วค่ะ!
*ในภาพด้านล่างนี้คือวิธีการวางมือจัดแฮนด์มอเตอร์ไซค์ค่ะ*
ทาง Royal Enfield จะแบ่งทีมออกเป็น 3 ทีมตามพื้นฐานการขับมอเตอร์ไซค์ของสาวๆ แต่ละคน กลุ่มที่เก่งที่สุดคือ A คือมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว วันนี้ยังไงก็ขี่ได้ฉิวแน่นอน B และ C ที่แทบจะเรียกว่าไม่มีพื้นฐานใดๆ ซึ่งก็ตามคาดแหละค่ะว่าเราได้อยู่กรุ๊ป C แบบไม่ต้องสืบ 5555
อย่างที่บอกว่า Royal Enfield ย้ำถึงเรื่องทฤษฎีที่แน่น ความเข้าใจที่ถูกต้องจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการต่อยอดต่อๆ ไป สถานีแรกวันนี้จึงเป็นการเรียนรู้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนซึ่งก็คือ “balance” ค่ะ บิ๊กไบค์แต่ละคันมีน้ำหนักมากถึง 200 กก. การ balance มอเตอร์ไซค์ให้ตั้งตรงอยู่บน 2 ล้อโดยผู้ขี่ใช้แค่แรงนิดหน่อยในการพยุงไว้จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะถือว่าเราใช้ล้อมอเตอร์ไซค์เป็นเครื่องทุ่นแรง ถ้า balance ไม่ดีแต่แรกแล้ว เกิดรถเอียงหรือล้มขึ้นมา เราก็ไม่สามารถใช้แรงตัวเองในการพยุง 200 กก. นี้ขึ้นมาได้แน่นอน ยิ่งถ้าพยายามขึ้นขี่ทั้งที่ balance ไม่ดียิ่งไม่ได้ใหญ่เพราะถ้าล้มขึ้นมาล่ะก็ มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ
1. เตะขาตั้ง
วิธีที่ใช้ฝึก balance ก็มีอยู่ 2 วิธีค่ะ เริ่มจากเบสิคเลยก็คือการเตะขาตั้งมอเตอร์ไซค์ขึ้น เริ่มจากเรายืนข้างซ้ายของตัวรถ เอามือ 2 ข้างจับแฮนด์รถไว้ จากนั้นใช้สะโพกด้านขวาออกแรงดันตัวรถให้ตั้งขึ้นบน 2 ล้อ จุดนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะ เพราะเราอยู่ข้างตัวรถ จะ balance ให้อยู่ตรงกลางแบบโพซิชั่นที่เราขึ้นขี่ก็ยาก (แต่เชื่อเถอะว่าตอนขี่จริงยากกว่าเย้ออออ)
2. เดินรอบตัวรถ
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เรารู้สึกว่ายากที่สุดเลย เพราะจะฝึกโดยการใช้มือ 2 ข้างค่อยๆ จับและพยุงรถไปรอบคันโดยที่รถต้อง balance บน 2 ล้อ ขาเราก็จะต้องขยับเดินตลอดเวลา ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้ยืนนิ่งมั่นคงแบบข้อแรก ถ้า balance ไม่ดี ยืนไม่มั่นคง จับไม่มั่น รถก็มีโอกาสล้มสูงมากๆ (จุดนี้ครูฝึกจะดูแลเราอย่างใกล้ชิดค่ะ)
การเดินรอบตัวรถจะช่วยฝึก balance เราได้ดีมากๆ และทำให้เรารู้สึกถึงน้ำหนักที่แตกต่างกันจากแต่ละส่วนของรถและแต่ละโพซิชั่นที่เรายืนด้วย
3. เข็นรถ
เดินรอบตัวรถกันไปแล้วก็มาถึงพาร์ทของการเคลื่อนที่บ้าง ครูฝึกจะให้เราลองเข็นรถเดินหน้าและถอยหลัง จุดนี้เราจะได้เรียนรู้วิธีการยืนที่เหมาะสม ที่จะทำให้เรา balance รถได้ขณะเดินและใช้แรงเข็นรถ เริ่มต้นด้วยการจัดท่าตัวเองและรถให้เป็น “สามเหลี่ยม” จะทำให้ยืนได้มั่นคง สิ่งสำคัญคือ “เข็นรถไปทางไหน มองตรงไปทางนั้น”
การเข็นรถเดินหน้าให้จัดแฮนด์ทั้ง 2 ข้างแล้วพยายามพยุงรถให้ทิ้งน้ำหนักบน 2 ล้อ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าด้านไหนหนัก ซึ่งเรารู้สึกว่าหนักด้านที่เรายืนมากกว่า เพราะช่วงแขนผู้หญิงไม่ได้ยาวเนอะ มันก็จะดึงๆ รถเข้าหาตัวหน่อย เราก็ใช้ลำตัวออกแรงดันรถให้ตรง ถ้าเข็นรถถอยหลังให้ใช้มือข้างซ้ายจับแฮนด์รถ ข้างขวาดันเบาะแล้วออกแรงเข็น
บอกเลยว่าเราเข็นเบี้ยวทุกครั้งเลยจ้าาาา ก็หัวรถมันหนักนี่นา
4. ขึ้นคร่อม – สลับขาพยุงรถ
ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้วววว พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เรารอคอยมากกกก เพราะในที่สุดก็จะได้ขึ้นไปนั่งบนรถซักที จุดนี้ครูฝึกจะให้เราขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์ เตะขาตั้งออก แล้วฝึก balance รถด้วยตัวเอง ซึ่งก็หมายความว่าทุกส่วนของร่างกายเรามีส่วนช่วยในการ balance รถทั้งหมด
จุดนี้มือจับแฮนด์ได้แล้ว แต่ขานี่สิตัวปัญหา เพราะว่าไม่ถึงจ้า!!! จุดนี้ใจก็เริ่มแป้วแล้วล่ะ แต่ครูฝึกกลับบอกว่าขาไม่ถึงก็ไม่เป็นไร มันมีทริค! ซึ่งก็คือการฝึก “สลับขาพยุงรถ” แน่นอนว่าเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ รถจะไม่ได้ตั้งตรงแบบรถยนต์อยู่แล้ว มันก็จะเอนเอียงไปตามตัวเราและสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งจุดนั้นสิ่งที่สามารถพยุงรถได้ดีที่สุดก็คือขาของเรานี่แหละ เช่น ถ้ารถเอียงด้านขวา ให้เราเขยิบก้นของเราไปด้านขวาจนเท้าแตะพื้น (ไม่ต้องวางเต็มเท้า แต่ต้องมั่นใจว่าพยุงรถได้นะ) ส่วนขาซ้ายก็ยกขึ้นมาวางบนที่เหยียบข้างรถ เพื่อให้เราสามารถเขยิบก้นออกไปได้ไกลขึ้น หลายคนอาจพบว่าก้นเราได้ตกออกนอกเบาะไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ เท้าถึงพื้นก็โอเค
จุดนี้ต้องบอกก่อนว่าโชคดีมากที่ได้มาลองฝึกกับมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield เพราะเป็นรถที่ค่อนข้างเตี้ย ทำให้ผู้หญิงอย่างเราไม่ค่อยมีอุปสรรคในการเรียนพื้นฐานภาคปฏิบัติที่สำคัญมากๆ ครูฝึกบอกว่าผู้หญิงตัวบางๆ สูง 150 กว่าก็สามารถขับได้ (ถ้า balance ได้นะ)
5. สตาร์ทและออกตัว!
หลังจากฝึกสลับขาพยุงรถจนมั่นใจจนว่าถ้าขับออกไปแล้วจะไม่ล้ม (?) ได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการสตาร์ทและออกตัว ซึ่งขั้นตอนการสตาร์ทก็ทำตามนี้เลย
*จำไว้ว่า คลัทช์กับเกียร์อยู่ด้านซ้าย เบรคอยู่ด้านขวา เบรคล้อหน้าอยู่ที่มือ เบรคล้อหลังอยู่ที่เท้า*
- ขึ้นคร่อมรถให้ตั้งขึ้นบน 2 ล้อ เตะขาตั้งขึ้น balance ให้ดี!!
- บิดกุญแจรถ ถ้ารถอยู่ในเกียร์ N หน้าปัดจะขึ้นไฟตัว N สีเขียวบอกไว้
- ถ้าไม่ขึ้นไฟ ให้เปลี่ยนเกียร์ให้อยู่ในเกียร์ N ทุกครั้งก่อนสตาร์ท (ให้จำไว้ว่าเกียร์ N อยู่ตรงกลาง ถ้าจะเข้าเกียร์ 1 ให้เหยียบที่เกียร์ 1 ครั้ง แต่ถ้าจะเข้าเกียร์ 2 3 4 ให้ใช้เท้างัดขึ้นตามลำดับ)
- กดปุ่มสตาร์ทด้านขวา
- หลังจากสตาร์ทรถแล้ว มือซ้ายบีบคลัทช์ เท้าซ้ายเหยียบเข้าเกียร์ 1
- ปล่อยคลัทช์มือซ้ายช้าๆ พร้อมกับบิดคันเร่งมือขวา ทำทั้ง 2 อย่างให้สัมพันธ์กัน อย่าปล่อยคลัทช์เร็วเกินและอย่าบิดคันเร่งเร็วเกินไป
ระหว่างออกตัวให้มองตรงได้ด้านหน้า อันนี้สำคัญมาก ส่วนครูฝึก พาร์ทนี้จะมีครู 2 คนช่วยเราจับแฮนด์และรถอยู่ 2 ข้างรถเลย ดังนั้นไม่ต้องกลัวล้ม ปลอดภัยแน่นอน!
…มาดูสาวๆ กลุ่ม A และ B กันบ้างว่าดีกว่า…
โอ้โห ฉวัดเฉวียนมากๆ จ้า เราก็ยืนมองอยู่เงียบๆ แล้วกันเนอะ 555