เลื่อนๆ เพจอยู่ เห็นหัวข้อนี้แล้วถึงกับสะดุดเลยใช่ไหมล่ะคะ งั้นแสดงว่าคุณกำลังเซ็งกับแฟนที่ไม่ โรแมนติก กุ้กกิ๊ก กระหนุงกระหนิงเหมือนในหนังล่ะสิ หรือสาวๆ ที่ยังโสดอยู่ ก็อาจจะเพราะคุยกับใครแล้วเขาไม่มีมุมโรแมนซ์ให้ใจสั่น ก็เลยไม่ตกลงปลงใจกับใครซักทีใช่ไหมล่ะ อยากรู้ว่าผู้ชายจะมีความโรแมนติกมากกว่าผู้หญิงได้ยังไง๊ ถูกมะ
ปัญหานี้ขอยกเป็นปัญหาระดับออสการ์ของสาวๆ เลยละกัน ก็ความโรแมนติกมันสำคัญสำหรับสาวๆ ที่เป็นมนุษย์ชอบคิดมาก ชอบเพ้อฝัน คาดหวังให้เหมือนคู่รักแบบคู่โน้น คู่นี้ หรือก็เพราะเน็ตที่บ้านดี ดูหนัง ดูซีรีส์เยอะไปแล้วมโนเป็นนางเอกกำลังอยู่ในบรรยากาศ โรแมนติก กับพระเอกซีนต่างๆ อั้ยย เขินอ่ะ แต่วันนี้ The Passion มีความจริงจะมาบอกค่ะสาวๆ!
คำว่า “ โรแมนติก ” มันเป็นความหมายที่แต่ละคนให้นิยามแตกต่างกันนะคะ ดังนั้น ความโรแมนติกในแบบของผู้หญิง และความโรแมนติกในแบบของผู้ชาย มันก็เลยไม่เหมือนกัน อย่าว่าแค่ผู้หญิงผู้ชายเลย ผู้หญิงแต่ละคนบางทียังคิดความโรแมนติกในมุมของตัวเองต่างกันเลย บางคนแค่แฟนทำกับข้าวให้ ซื้อของให้ ไม่ต้องมีเซอร์ไพรส์ใดๆ ก็โรแมนติกละ แต่บางคนพวกหวังมาก ชอบเซอร์ไพรส์ ถ้าไม่มีการเซอร์ไพรส์วันพิเศษ วันเกิด วันครบรอบ จำวันไม่ได้ อ่ะ โกรธละ เพราะไม่ใส่ใจ ไม่โรแมนติก น่าเบื่อ
ซึ่งจริงๆ แล้ว ความโรแมนติกของฝ่ายชายอาจแค่การทำอะไรให้แฟนเป็นประจำ โทรตามว่าอยู่ไหน กินข้าวยัง บอกรักแบบซื่อๆ โดยที่ไม่มีการจัดเตรียมพิเศษอะไร แสดงออกว่าเขายังมีเธออยู่ในใจตลอดนะ ก็ถือว่าเป็นความโรแมนติกในมุมของผู้ชายแล้ว เพราะนิสัยผู้ชาย เขาไม่ชอบความไร้เหตุผล หรือคาดเดาไม่ได้ และก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบผู้หญิง การเซอร์ไพรส์จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรมากมายสำหรับเขา เพราะงั้นคุณผู้หญิง โดยเฉพาะพวกที่หวังสูงทั้งหลายก็ต้องทำใจกันหน่อยนะคะ ลองคิดถึงใจเขา ว่าเขาก็ทำสิ่งโรแมนติกให้เราแล้ว แค่เป็นแบบเล็กๆ ในมุมของเขาแค่นั้น
และโลกนี้มันก็สร้างความบาลานซ์ให้ความรักเราอยู่ยากขึ้น ได้อย่างก็จะเสียอย่าง ผู้ชายที่โรแมนติกมากๆ ดี๊ดี มีความคิดเล็ก คิดน้อยแบบผู้หญิง ส่วนมากเลยนะ จะเป็นคนจืดดด ไม่มีเสน่ห์ให้น่าหวั่นไหว ไม่ค่อยมีความเป็นผู้นำ ซึ่งมักจะจบแบบกินแห้วไปด้วยประโยคที่ว่า ‘เพื่อนกันเถอะ’ หรือคำว่าดีเกินไป คนที่มีเสน่ห์ แมนๆ แฮนซัม อย่างผู้ชาย ก็จะไม่รู้จักคำว่าโรแมนติก และอีกประเภทที่ร้ายสุด คือพวกนักล่าที่ร้อยเล่ห์เพทุบาย พวกนี้คือพวกอยู่เป็น แสร้งทำเป็นโรแมนติกเก่ง หลอกให้รักแล้วมันก็ไป เฮ้อ.. เหนื่อยเลยเนอะ เนี่ยแหละหาคนที่ใช่มันเลยไม่ง่าย นี่มันหาผู้นะคะ ไม่ได้หาผักหาปลา ถึงจะเสกปุ๊บมาปั๊บกันง่ายๆ สาวๆ ก็รู้ไว้ และเลือกเอานะว่าจะยอมรับสักหน่อย หรือจะเฝ้ารอต่อไป
“ความเป็นธรรมชาติคือเสน่ห์ของความโรแมนติก ความโรแมนติกมันก็ต้องเป็นไปอย่างธรรมชาติ” ฟังดูงงๆ ใช่ไหม แต่คิดดูนะ การที่คุณแฟนทำอะไรให้เราอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่เราไม่ต้องขอเนี่ยแหละ คือความโรแมนติกที่มีเสน่ห์มากๆ ดังนั้นการที่จะโรแมนติกได้ มันต้องทำออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฝืน ไม่เก้ๆ กังๆ ไม่ต้องประดิษฐ์หรือปรุงแต่งเพิ่มเติม มันเป็นของมันอยู่แล้วตั้งแต่แรก ถึงบางอ้อกันหรือยังคะ จริงๆ แล้วอาจเป็นเราต่างหากที่ไปตั้งความหวัง ไปสร้างตัวตนให้เขาเป็นแบบนั้น แบบนี้ ตามที่เราต้องการ พอไม่ได้ดั่งใจ ก็ไปโทษเขาว่าไม่โรแมนติก เพียงเพราะไม่ได้อย่างที่ใจเราต้องการ บางทีการคุยกันแบบธรรมชาติ ปกติ คลีนๆ มันก็กลายเป็นความโรแมนติกของคนสองคนได้
สรุปเลยนะคะสาวๆ คำว่าความโรแมนติกของแต่ละคน มันคนละแบบ มันวัดกันไม่ได้ว่าผู้ชายจะโรแมนติกมากกว่าผู้หญิง เพียงแต่ผู้หญิงมีภาพความโรแมนติกที่มากกว่าผู้ชายแค่นั้น มันเลยดูเหมือนผู้หญิงจะมีความโรแมนติกมากกว่า การที่อีกฝ่ายไม่โรแมนติก ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รัก แต่ความคิดแบบผู้ชายอ่ะ เขาไม่ได้คิดเล็ก คิดน้อยแบบผู้หญิงไง รักคือรัก คบคือคบ ไม่ต้องมีดอกไม้ คำหวาน จดหมาย ดินเนอร์ เซอร์ไพรส์อลังการเบอร์ใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้อะไรวันพิเศษก็ลองบอกเขาไป ดีกว่ามานั่งงอนว่าทำไมเขาไม่คิดเอง แต่ก็ต้องรู้ตัวด้วยนะ ว่าเราไม่ได้ขอมากไปอ่ะ มันจะกลายเป็นไม่น่ารักแทนเลยนะ หรือบางทีเขาลืม ก็พยายามปลงๆ ปล่อยๆ ไป ดูข้อดีที่เขาเทคแคร์เราสม่ำเสมออย่างอื่นแทน และมนุษย์ผู้หญิงอย่างเราเกิดมาคิดมากกว่าผู้ชายเอง ทำใจซะนะ 5555