‘หวาย – ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์’ หรือที่เราคุ้นเคยกันในภาพลักษณ์ของนักร้องวัยใสจากค่ายกามิกาเซ่ สู่สาวสวยวัย 26 ปีที่เรียกว่าได้ผ่านเสี้ยวหนึ่งของชีวิตมาแล้ว วันนี้ The Passion ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอ มาดูกันว่าเปิดใจครั้งนี้ หวายจะแซ่บ! หรือจะแรง? อย่างที่ใครๆ พูดถึงเธอเสมอมาหรือไม่ ลองเปิดใจดูกันค่ะ

 1.  ตอนนี้ทำอะไรอยู่ อัพเดทชีวิตให้ฟังหน่อย 

ตอนนี้ก็ใช้เวลากับการใช้ชีวิตค่ะ ได้ใช้โอกาสที่จะใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ซึ่งความสุขที่สุดของหวายในตอนนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นเวลาว่างนี่แหละค่ะ เป็นช่วงที่เราได้พักหรือทำสิ่งที่ชอบ ซึ่งส่วนมากหวายก็จะดูซีรี่ย์บ้างหรือไปทะเลค่ะ แต่ถ้าอยู่บ้านก็จะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่จริงๆ ก็ยังทำงานอยู่ด้วย เพิ่ง featuring กับธามไทไป ก็มีส่วนร่วมในการคิดเนื้อร้องนิดนึงค่ะ แต่ว่าสำหรับผลงานของตัวเองแล้ว ตอนนี้ก็ต้องอุบๆ ไว้ก่อน อาจจะมีโปรเจ็คเร็วๆ นี้ค่ะ

 2.  เบื่อมั้ย? เวลามีแต่คนโฟกัสเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือการศัลยกรรม ทั้งๆ ที่เรายังมีมุมอื่นๆ ที่น่านำเสนออีกเยอะ

ถามว่าเบื่อมั้ย มันไม่ได้เบื่อที่เขาโฟกัสตรงนั้น แต่ว่ามันเบื่อการที่เราตอบคำถามแล้วเขาไม่ยอมเชื่อมากกว่า มันเป็นฟีลการตอบคำถามเดิมๆ ที่ทำให้หนูรู้สึกว่า เบื่อนิดนึงค่ะ แต่ถ้าถามว่าเราสามารถที่จะห้ามความคิดหรือคำพูดของคนอื่นได้มั้ย มันก็ไม่ได้ ดังนั้นเราก็ต้องปล่อยไป

หวายว่าการที่สื่อให้ความสนใจในเรื่องพวกนั้น มันเป็นเรื่องปกติมาก อย่างเวลาหวายเห็นดาราที่ชอบ อย่าง Rihanna ช่วงนี้เขาก็อวบขึ้น เซ็กซี่ขึ้น เป็นเราก็โฟกัสที่จุดนั้น ซึ่งมันก็แล้วแต่มุมมองว่าคนจะมองในแง่ไหน คิดกับเราแง่ไหน อย่างเวลาคนดูรูปที่หวายลง (ใน Instagram) แล้วพูดว่าเราตั้งใจที่จะโชว์แต่มันไม่ใช่ บางทีเราแค่ลงเพราะอยากลง เรามีความสุข ณ จุดนั้นอะค่ะ ไม่ได้ลงเพราะอยากให้คนโฟกัสตรงจุดนั้นเลย ก็เบื่อนะแต่เราห้ามไม่ได้

 3.  สิ่งที่อยากบอกคนในสังคม ที่เค้ามองเราแบบนั้น

อยากบอกว่าตอนนี้ก็ 2018 แล้วเนอะ หวายรู้สึกว่าคำถามที่ทุกคนควรที่จะถาม คือใครสนหรือใครแคร์มากกว่า เพราะว่าเค้าไม่ควรที่จะมาแคร์ มามองใครด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแล้วค่ะ โดยเฉพาะกับการแต่งกายหรือว่าการที่ว่าใครทำศัลยกรรมมาอะไรอย่างนี้ เราควรที่จะชิล นี่มันไม่ใช่ 10 ปีที่แล้วเนอะ หวายรู้สึกว่าเราควรที่จะโตไปกับวัยและเทรนด์ของทุกอย่าง

 4.  คิดยังไงกับการ Cyberbully ในประเทศไทย

Cyberbully เนี่ยมันเป็นสิ่งที่แย่มาก มันเกิดขึ้นในทุกประเทศอยู่แล้ว แล้วเราควรที่จะหยุดกัน หวายโดนเรื่อง bullying มาตั้งแต่โรงเรียนเลย ตั้งแต่อยู่ ป.6 โดนแบบหนักมาก แล้วคือตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่รู้จักใครเลยที่เป็นเพื่อนเราที่โดนเหมือนเรา ก็ไม่รู้จะไปคุยกับใครหรือบอกใครนอกจากคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าทุกวันนี้เราโชคดีที่มันยังมีคนที่เข้าใจในเรื่องนี้อยู่ สมมติว่าวันนี้หวายไปอ่านคอมเมนท์หรือกระทู้อะไรแล้วไม่สบายใจ ก็ยังโอเค เรายังมีเพื่อนที่เข้าใจ มีคุณพ่อคุณแม่ มันแตกต่างจากเมื่อก่อนเยอะค่ะในเรื่องของกำลังใจ

ส่วน Cyberbully ในประเทศไทย หวายว่ามันแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะว่าเราไม่มีกฎที่นี่ค่ะ ไม่มีกฎที่จะสู้กับคำพูดของคนที่อยู่หลังจอ บางทีเราต้องเข้าใจว่าคนพิมพ์เค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เค้าแค่พูดหรือเขียนไปอย่างนั้น แต่คนที่อ่านหรือคนที่เค้าพูดถึงอ่ะสิ มันเสียใจมาก แล้วกับบางคนที่เค้าเสียใจแล้วควบคุมไม่ได้เนี่ย คุณจะทำยังไง คือหวายรู้สึกว่าเรามีชีวิตอยู่แค่นี้ เราก็ควรที่จะแค่มีน้ำใจและเป็นคนดีกับทุกคน มันไม่ควรที่จะต้องมาว่าหรือด่าอะไรกัน คือเราไม่เห็นจุดประสงค์ของมันเลย

 5.  อยากเปลี่ยนแปลงอะไรที่สุดในสังคมไทย

ก็อยากให้ทุกคนเปิดมุมมองให้กว้างกว่านี้ค่ะ คือเชื่อว่าหลายๆ คนก็มีกรอบ หวายก็มีกรอบของหวายเหมือนกัน แต่มันอยู่ที่ว่ากรอบของเรามันแคบหรือกว้าง หวายรู้สึกว่าตัวเองเปิดใจได้กับหลายๆ อย่างเช่นเวลาหวายเจอใคร เวลาทำความรู้จักกับใคร เราเปิดใจกับเค้าได้ค่ะ และเราควรที่จะให้โอกาสคน ฟัง หรือคอยให้กำลังใจ คอยที่จะสนับสนุนคนไทยไปด้วยกัน ไม่ใช่มาต่อว่าคนไทยกันเอง หวายรู้สึกว่ามันไม่มีพ้อยท์อะไรเลย ไม่เข้าใจค่ะ

 6.  หวายมองว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร ให้นิยามตัวเองว่าอย่างไร

หวายเป็นคนที่รักเพื่อนมาก รักครอบครัวมาก แล้วก็รักสัตว์มากๆ ค่ะ และเราเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนมาก หลายๆ คนจะตีความว่าหวายไม่แคร์ใคร แต่มันไม่ใช่ คือเราเป็นคนที่ sensitive มาก แล้วก็แคร์คนอื่นมาก แต่ว่าเราแค่แคร์คนรอบข้างเรามากที่สุด แคร์คนที่รักเรามากที่สุด ใครที่ไม่ได้มีความหมายกับเรา เราก็พยายามที่จะไม่เก็บเอาเรื่องนั้นๆ มาคิด แต่ว่าถามว่ามันทำได้มั้ย ในบางทีมันก็ทำไม่ได้

หวายว่าตัวเองเหมือนตัวละคร Cheryl จากซีรีส์ Riverdale แล้วก็เหมือน Hannah Baker จากซีรีส์ 13 Reasons Why ตัวละคร 2 ตัวนี้มันขัดกันนะคือเรามี เรามีฟีลแบบนั้นมานานแล้ว ตั้งแต่เด็ก แต่พอเราโตขึ้นมา มันมีช่วงหนึ่งที่เราสตรองมาก เราแบบโคตรเข้มแข็ง ทุกอย่างคือชีวิตดี แฮปปี้ แล้วความมั่นใจมันก็บิ้วท์กลับมา แล้วจากนั้นมันกลายเป็นวันนึงมันกลับไปดาวน์เหมือนเดิมอะไรแบบนี้ คือ 2 คนนี้เหมือนหวายสุดแล้วค่ะ

 7.  คิดว่าตัวตนเราต่างกับผู้หญิงไทยในอุดมคติยังไง

คิดว่าอาจจะแตกต่างกันที่มุมมองกับความคิดในบางเรื่องมั้งคะ เพราะว่าที่จริงแล้วเราทุกคนก็เหมือนกันหมดยกเว้นความคิด อย่างเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกหรือเรื่องการแต่งตัว ถ้าคนอื่นเค้าจะมาแต่งแบบเรา เราก็ว่ามันควรที่จะทำได้นะ หรือถ้าวันไหนเราอยากแต่งตัวเรียบร้อยบ้างก็ได้ แต่ว่าแบบนั้นมันไม่ใช่ตัวเรา ที่เราเป็นอยู่คือตัวเองของเราเองมากกว่า

 8.  หวายเป็นคนเข้มแข็งมั้ย

คิดว่าเป็นคนที่ไม่อ่อนแอ แต่ถามว่าเข้มแข็งมั้ย มันก็ไม่ได้เข้มแข็งตลอดเวลา คือเรายังต้องการความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ ยังต้องการเพื่อนอะไรแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าสมมติว่าเราต้องเจอสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องเข้มแข็งจริงๆ ต้องสู้ต่อไป อาจจะเป็นวันที่เราออกงานแล้วเราเศร้ามาก อันนั้นเราก็จำเป็นต้องทำ เหมือนมันคลิกในหัวสมองเรา แต่ถ้าวันไหนเราอยู่บ้านแล้วรู้สึกเสียใจ เราก็จะปล่อยให้ตัวเองเสียใจเหมือนกัน หวายไม่ได้เป็นคนที่เข้มแข็งพอที่จะเก็บทุกอย่างไว้ข้างใน แต่ก็ไม่อยากให้คนคิดว่าคนที่ไม่เข้มแข็งแปลว่าอ่อนแอนะคะ คือเพราะว่าเราไม่เข้มแข็งในบางเวลา มันไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอหรือไม่มีกำลังที่จะสู้ มันไม่ใช้อย่างนั้น แต่ว่าเราอาจจะต้องใช้เวลากับตัวเราเองเพื่อที่จะสร้างความเข้มแข็งนั้นขึ้นมาอ่ะค่ะ ไม่ต้องจำกัดเวลาตัวเอง ไม่ต้องไปตามคนอื่น หรือพยายามตามความรู้สึกของคนอื่น

 9.  เวลาที่เราเจออะไรแรงๆ มาหรือเจอกับความเศร้า แต่เราต้องไปต่อ หวายมีวิธีดีลกับความรู้สึกตรงนั้นยังไง

จริงๆ แล้วหวายเป็นคนที่หลายๆ คนอาจจะงงนะ อย่างทุกครั้งที่ออกสื่อ หวายจะชอบบอกสื่อว่าไม่ค่อยอยากพูดเรื่องส่วนตัวเท่าไรนะคะ แบบยังไงวันนี้ไม่นะค้า แต่ทุกครั้งที่เราพูดไม่เคยมีใครฟังเลย คือเราก็เข้าใจว่ามันคืองานที่ดีของเค้า แล้วทุกครั้งที่พี่เค้าถามเราก็ตอบด้วยไง คือเราไม่เคยบอกสื่อว่าพี่หนูไม่สะดวกตอบหรือหนูรู้สึกไม่สบายใจที่จะตอบ เพราะว่าโดยปกติแล้วหวายเป็นคนที่ ทั้ง anxiety วิตกกังวล เหมือนมันลนอะค่ะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าใครถามอะไรเราก็ต้องตอบ เราไม่ตอบไม่ได้

บางครั้งหนูแค่อยากให้พี่ๆ สื่อเข้าใจจริงๆ ว่าเวลาที่หนูบอกว่าหนูไม่อยากตอบอะไรแต่แรก อย่าถามหนูเลยนะคะ ที่ตรงนั้นมันฟีลที่ว่ามันต้องตอบ แล้วหนูก็รู้สึกเกรงใจทุกคนด้วย หนูไม่กล้าพูดจริงๆ ว่าแบบหนูไม่สะดวกตอบหรือตอบไม่ได้ เพราะหนูไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พูดออกมาแล้วทุกคนจะเข้าใจ เค้าอาจจะตีความเป็นอีกแบบไปเลยก็ได้ แล้วหนูไม่อยากมีดราม่าเยอะอะค่ะ

 10.  สิ่งที่เราเจอมา มันมีผลต่อชีวิตประจำวันของเราไหม

ตอนที่เราเก็บความรู้สึกแย่ๆ กลับมาที่บ้านด้วย ที่จริงหวายเป็นคนที่จะต้องปลดปล่อยก่อน อาจจะกรี๊ดกับตัวเองสักพักนึง แล้วก็ฮู้ ใจเย็นแล้วนะ โอเค ทุกอย่างโอเค คือเราก็ยังมีอาการ anxiety อยู่ แต่หนูก็ยังดีเพราะมียาช่วยอะไรอย่างนี้ค่ะ

เวลาต้องตอบเรื่องอาการ หวายคิดว่ามันไม่น่าอายนะ รู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา เราเป็นมา 13 ปีแล้ว มันนานเกินกว่าที่จะพูดอะค่ะ จนวันนี้ก็ยังกินยาอยู่ มันอาจจะแค่เพราะเราเพิ่งมีโอกาสได้บอกกับสื่อมั้งคะ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกเลย

 11.  อยากบอกใครที่เป็นเหมือนเรามั้ย

อยากจะบอกว่า ใครที่ต้องการกำลังใจ เป็นโรคซึมเศร้า หรือว่าคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยง ก็ควรที่จะไปหาคุณหมอก่อนอย่างแรกเลย หวายอยากบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าการไปหาหมอเนี่ย บางทีมันอาจจะดูน่ากลัว หรือบางทีมันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่าเราไม่อยากออกจากบ้านหรือเราไม่อยากเจอคนเยอะ มันก็อาจจะยากนิดนึงในช่วงแรกๆ แต่พอเราได้ไปคุยกับหมอเรื่อยๆเนี่ย มันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เพราะว่าอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าเราเป็นอะไร เป็นจริงมั้ย ควรที่จะกินยาหรือว่าคุณหมอคิดว่าเราควรจะทำยังไง ไปขอคำปรึกษาจากคุณหมอค่ะ ไม่ต้องคิดมาก

อีกอย่างคือลองระบายความรู้สึกของเราให้กับคนใกล้ชิดที่เราสนิทมากๆ ฟังดู เพราะว่ากำลังใจจากคนรอบข้างคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และสำหรับคนรอบข้างก็ต้องคอยฟังเค้า เพราะว่าบางทีเค้าแค่ต้องการคนที่ต้องฟัง

 12 เรื่องที่พลาดแล้วอยากกลับไปแก้ไข หรืออะไรที่อยากบอกตัวเองในอดีต

อยากจะบอกกับตัวเองว่า มีอะไรไม่สบายใจควรที่จะบอกคุณพ่อคุณแม่ ที่จริงหนูบอกคุณพ่อคุณแม่ทุกอย่างตั้งแต่เด็กเลย ทุกอย่าง ไม่เคยไม่บอก เรื่องผู้ชายก็บอก ยกเว้นเวลากลัว เหมือนเวลาใคร bully เราที่โรงเรียนอย่างนี้ เราก็จะกลัว เรื่องนี้เราไม่บอกแม่ จนแม่มารู้ทีหลัง เลยอยากจะกลับไปบอกตัวเองว่ามีอะไรต้องบอกนะ ยิ่งเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ควรบอก

อีกเรื่องที่อยากบอกตัวเองก็คือ อยู่คนเดียวบางทีมันก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างถ้ามีเพื่อนที่ไม่ดีเนี่ยคบไปมันก็ไม่ดีอยู่แล้วค่ะ ไม่มีเพื่อนเลยหรือมีเพื่อนน้อยยังดีกว่ามีเพื่อนเยอะแล้วเป็นเพื่อนไม่ดี สำคัญมาก เรื่องเพื่อนเนี่ยสำคัญ

 13 ต้นแบบการใช้ชีวิตของหวาย มีใครเป็นไอดอล

หวายมีคุณแม่เป็นไอดอลค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่คุณแม่ก็อาจจะเป็นนักร้อง ซึ่งสำหรับหวายคือ Rihanna ค่ะ เพราะว่าเค้าเป็นคนที่มาจากเกาะเล็กๆ แล้วก็เป็นคนที่ชอบร้องเพลง ร้องแค่เพลงเดียวแล้วมันแบบดังมาก เพลง Pon de Replay ค่ะ ตอนนั้นเราชอบมาก อยากรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร จนมาถึงวันนี้ เหมือนเค้าสร้าง empire สร้างอาณาจักรของตัวเองเลยอ่ะ ก็คิดว่าวันนึงอยากเป็นแบบนั้นค่ะ อยากมีบิวตี้ไลน์ เมคอัพไลน์ขอตัวเองด้วย

 14.  ขอ 1 เรื่องที่เสียใจแต่ไม่แคร์ของหวาย

น่าจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนคิดว่าเราทำหน้าแต่เราไม่ได้ทำ คือไม่แคร์แล้วอะ ถามว่าเสียใจมั้ย เสียใจนะ คือเราทำอะไรเราบอกตลอด มันไม่มีความจำเป็นที่จะไม่บอกอะ สำหรับหวายนะ หวายไม่ได้เป็นคนแบบนั้น คือถ้าเราทำจริงก็ไม่มีวันที่เราจะไม่บอก อย่างที่ถามกันมาว่าทำใต้ตาหรือทำตามาหรือเปล่า คือไม่ได้ทำมานะคะ ถ้าทำมาแล้วเป็นแบบนี้ หนูว่าหนูไม่ทำดีกว่า ก็เลยเสียใจแต่ไม่แคร์ (ยิ้ม)

 15 ชาว LGBT ยกให้หวายเป็นไอดอลและแรงบันดาลใจ หวายรู้สึกยังไงบ้าง มีอะไรอยากบอกกับพวกเขาไหม

อยากจะบอกทุกคนว่ารู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่ทุกคนใน LGBT Community มองหวายว่าเป็นไอดอลผู้หญิงคนหนึ่งในดวงใจเค้า เพราะเรารู้สึกว่าการที่ทุกคนใน LGBT Community จะยอมรับเนี่ย มันก็ยากเหมือนกันค่ะ

เพราะฉะนั้นเวลาเราไปงานหรือไปไหน เราก็จะมีความสุขมากเพราะแฟนคลับที่ตามมาดูหรือคอยให้กำลังใจตลอดก็คือ LGBT Community จริงๆ คือแบบรักมาก แล้วอยากจะบอกขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะน้องก้อง เหมือนเป็นคนเริ่ม cover เพลงเราเลยอะ เป็นคนแรกที่แบบฉันกล้านะ แล้วมันไม่ใช่ว่าเค้าทำมาแล้วคนล้อหรืออะไร คือทำแล้วประสบความสำเร็จด้วย แล้วเค้าทำให้หลายๆ คนได้รู้จักเพลงเรามากขึ้น เหมือนเค้าทำให้เราได้ประสบความสำเร็จไปในอีกระดับนึงเลยทีเดียว ก็ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

ติดตาม ‘หวาย-ปัญญริสา’ ได้ทาง IG: @waiiwaii.p