- หญิงเก่งแถวหน้าของไทย มีจากทุกวงการ
- หญิงเก่งยุคแรกๆ ของไทยต้องฝ่าฟันไม่น้อยกว่าจะได้รับการยอมรับ
แม้ว่าปี 2019 จะมีผู้หญิงเก่งมากมายจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่กว่าจะสังคมไทยจะเปิดให้ผู้หญิงได้ก้าวมาเป็นผู้นำก็ต้องผ่านการบุกเบิกของผู้หญิงในยุคก่อน ซึ่งเธอเหล่านั้นก็ได้ก้าวมาเป็น หญิงเก่งแถวหน้าของไทย ที่เป็นแบบอย่างให้สาวๆ มากมายในทุกวันนี้
The Passion ขอแนะนำ 10 หญิงเก่งแนวหน้าของไทย ที่เราควรรู้จักเอาไว้ เป็นความรู้รอบตัวและเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
นวลพรรณ ล่ำซำ
แม้จะอายุเข้าเลข 5 มาหลายปีแล้ว แต่ มาดามแป้ง ก็ยังเป็นขวัญใจหนุ่มๆ จำนวนไม่น้อย รวมถึงสาวๆ อีกหลายคน ไม่ใช่เพราะแค่ความสวยเท่านั้น แต่ยังเป็นความเก่งและน่ารักของเธอด้วย
ผลงานที่ทำให้มาดามแป้งเป็นที่รู้จักกันดีคือการเป็นประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. และผู้จัดการทีมนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่พาทีมไปฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าก่อนที่เธอจะมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมนั้น เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย แต่ด้วยความมานะพยายามและรักการเรียนรู้ จึงไม่มีอะไรเกินความสามารถ
นอกจากนี้ มาดามแป้ง นวลพรรณ ยังควบตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทเมืองไทยประกันภัย ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูล และยังทำธุรกิจนำเข้าสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมอีกหลายแบรนด์ด้วย
ด้านชีวิตส่วนตัว มาดามแป้งสมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกกับคุณวัชระ พรรณเชษฐ์ และมีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนชื่อ น้องปราง นวลวรรณ ส่วนปัจจุบันนี้ มาดามแป้งสมรสกับ ดร. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
ยุวดี จิราธิวัฒน์
แม้ว่าตระกูลจิราธิวัฒน์จะเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีธุรกิจในเครือมากมาย แต่สิ่งที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนั่นเอง และ 1 ในผู้บริหารคนสำคัญของ Central Group ก็เป็นหญิงเก่งที่ชื่อว่า ยุวดี จิราธิวัฒน์
คุณยุวดีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะศิลปศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ก่อนจะไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ Northwestern University สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นได้เข้าทำงานที่บริษัทดังอย่าง Ogilvy อยู่ช่วงหนึ่งก่อนเข้าทำงานในกิจการของครอบครัว ซึ่งเธอก็ต่อยอดความสำเร็จที่รุ่นพ่อรุ่นปู่สร้างไว้ได้อย่างดี
หัวใจของการทำงานของคุณยุวดีเน้นที่ความพึงพอใจของลูกค้า โดยเธอไปดูงานตามที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำมาปรับใช้กับห้างเซ็นทรัล เรียกได้ว่าคุณยุวดี เป็นผู้หญิงแถวหน้าอีกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะตลอดหลายสิบปีที่เธอดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของห้างฯ เธอได้รับตำแหน่งสำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ ได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมห้างสรรพสินค้าโลก และได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Forbes Asia ให้เป็น 1 ใน 50 นักธุรกิจหญิงที่ทรงอิทธิพล
ม.ล. ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
เรียกว่าเป็นผู้ที่พร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติตัวจริงเสียงจริง สำหรับคุณหญิงต้น หรือ หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ที่เกิดมาในราชสกุลกฤดากร แต่นอกเหนือจากความเพียบพร้อมอันเกิดจากเชื้อสายแล้ว ตัวตนของคุณหญิงต้นเองก็เป็นหญิงเก่งที่แท้จริง
ม.ล. ปิยาภัสร์ เป็นนางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยถวายงานต่างๆ ทั้งตามเสด็จ และเป็นหนึ่งในผู้ที่เดินแบบแฟชั่นผ้าไทยของพระองค์ด้วย ส่วนผลงานที่สร้างชื่อและทำให้คนรู้จักมากที่สุด คือการแสดงภาพยนตร์เรื่องสุริโยไท ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล โดยคุณหญิงต้นรับบทเป็นสมเด็จพระสุริโยทัย ซึ่งใครๆ ก็ประะทับใจในความสวยสง่าของท่านมาก
นอกจากนี้ ม.ล. ปิยาภัสร์ ยังเป็นเจ้าของโรงงานนทำซิลก์สกรีนเสื้อยืด ในชื่อ LIDEE DESIGN GROUP และมีร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับของตนเองด้วย
ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี และมีบุตรธิดาด้วยกัน 3 คน 1 ในนั้นก็คือเซเลบสาวคนดัง ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี/กฤดากร นั่นเอง และแม้ตอนนี้คุณหญิงต้นจะอายุ 50 ปลายๆ แล้ว แต่บอกเลยว่ายังสวยเท่และท่องเที่ยวเล่นกีฬาผาดโผนได้ไม่แพ้สาวๆ เลย
ศุภลักษณ์ อัมพุช
อีกหนึ่งหญิงเก่งแห่งวงการค้าปลีกไทย หัวเรือใหญ่แห่งห้าง The Mall ผู้ที่ดูแลทั้ง The Mall, The Emporium และ The Emquartier
แม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ความสามารถของคุณแอ๊ว ศุภลักษณ์ ไม่ได้เล็กตาม เธอเคยสอบติดและเรียนแพทย์ แต่รู้สึกไม่ชอบจึงเปลี่ยนไปเรียนเภสัช แต่ยังไม่ทันจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ก็ถูกเรียกให้กลับมาดูแลธุรกิจศูนย์การค้า ซึ่งในตอนนั้นเธอไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ด้านนี้เลย
คุณแอ๊วเล่าว่า ณ ตอนนั้น ธุรกิจห้างกำลังบูม มีคู่แข่งนับสิบๆ ราย จากที่เธอไม่เคยทำอะไรด้านนี้มาก่อนจึงต้องขวนขวายหาความรู้ให้ตัวเองและพยายามอย่างมาก ซึ่งด้วยความที่ยังเด็กเลยบริหารไม่ค่อยเป็น เจรจากับคู่ค้าได้ยาก แต่เธอก็สั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนผงาดเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งของวงการ
แต่คุณแอ๋วก็ยอมรับว่าไม่ใช่เธอจะเข้มแข็งได้ตลอดเวลา พอเจอปัญหาก็มีท้อบ้าง แต่เธอจะให้เวลาตัวเองได้พักผ่อน ไปทำในสิ่งที่ชอบ ออกกำลังกาย อยู่กับตัวเอง แล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น กลับมาพร้อมลุยงานต่อ
สำหรับคติในการทำงานของผู้บริหารเดอะมอลล์คนนี้ เธอบอกว่า ต้องรู้จุดที่ตัวเองยืน รู้สิ่งที่ตนต้องการ ไม่ต้องรีบก้าว ค่อยๆ ไปช้าๆ แต่ให้มั่นคงดีกว่า
ศิริญา เทพเจริญ
ผู้หญิงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ เจ้าของแบรนด์ ‘ณุศาศิริ’ ที่มีทั้งคอนโดฯ บ้านเดี่ยว รวมมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท บอกใครก็คงยากจะเชื่อว่าเธอเคยต้องออกจากโรงเรียนทั้งที่อยู่แค่ ม.2 เท่านั้น
คุณหมวย ศิริญา เกิดในครอบครัวที่มีลูกถึง 6 คน แและไม่มีกำลังพอที่จะส่งเสียให้ลูกๆ เรียนจบได้ครบทุกคน ในฐานะพี่สาวคนโตเธอจึงเสียสละออกมาทำงาน โดยเธอทั้งทำไร่ ขับรถบรรทุก ทำงานร่วมกับคนงานผู้ชาย เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวจริงๆ
ซึ่งชีวิตของคุณหมวยก็เริ่มดีขึ้นเมื่อมีเพื่อนชวนมาขายที่ และเธอทำได้ดีจนกล้าที่จะลงทุนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นมาตลอด เพราะเธอก็เคยถูกเพื่อนโกง ถูกเพื่อนถอนหุ้น แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ยอมแพ้ เธอกัดฟันสู้มาเรื่อยๆ และลองขยายขอบเขตจากการขายที่เป็นการสร้างบ้าน แม้จะไม่มีความรู้ด้านวิศวกรรม แต่เธอก็อาศัยเรียนจากผู้รู้จนตัวเองรู้จริง
ธุรกิจของคุณหมวยเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใครๆ ก็เคารพในความเก่งและเป็นนักสู้ ซึ่งตอนนี้คุณหมวยเองก็สามารถกลับไปเรียนจนจบปริญญาได้แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นๆอาจจะน้อยใจโชคชะตา แต่คุณหมวยคิดบวก ว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอได้สัมผัสกับชีวิตจริงโดยเร็ว และทำให้เธอเป็นเธอในทุกวันนี้
สำหรับสาวๆ คนไหนที่อยากเก่งและสำเร็จแบบเจ้าแม่อสังหาคนนี้ คุณหมวยบอกว่าความขยัน พยายาม และไม่ยอมแพ้เท่านั้นที่จะช่วยทุกสิ่ง
พญ. นลินี ไพบูลย์
ถ้าพูดถึงธุรกิจขายตรงยุคแรกๆ หลายคนคงนึกถึง “กิฟฟารีน” เป็นอันดับต้นๆ แล้วรู้ไหมว่าผู้ที่ปลุกปั้นให้แบรนด์นี้โด่งดังขึ้นมาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง นั่นก็คือ หมอต้อย หรือ พญ.นลินี ไพบูลย์
ด้วยความที่สนใจด้านเรื่องของผิวหนังและความสวยความงาม หมอต้อยจึงลองผลิตครีมและเครื่องสำอางซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่เงินทุนไม่พอจะวางขายบนห้างและทำโฆษณา หมอต้อยและสามีจึงได้ลองขายตรง ซึ่งนับว่าเป็นรายแรกๆ ในไทยที่เริ่มทำธุรกิจแบบนี้ ซึ่งกิจการของเธอโตไวมากและมีมูลค่าเพิ่มอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วชีวิตของ พญ. นลินี ก็พลิกผันเมื่อเธอหย่ากับสามี แม้จะเป็นสาวเก่งแต่เธอก็คว้างไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตั้งหลักได้ใหม่และนำพาธุรกิจประสบความสำเร็จในที่สุด
โดยเคล็ดลับในการบริหารงานบริหารคนของเธอคือต้องใช้ใจแลกใจและ วิน-วิน กันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งสิ่งที่ขับเคลื่อนเธอมาหลายสิบปีตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงปัจจุบันนี้คือ Passion ที่รักและเชื่อในสิ่งที่ทำเท่านั้นเอง
อมราพร เจียง
ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางคนนี้ จะเป็นผู้กุมบังเหียนของบริษัทรถบรรทุกและเครื่องจักรก่อสร้าง โดยรั้งตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัท เอเซีย วีฮิเคล คอร์เปอเรชั่น จำกัด
เอมมี่ อมราพร เป็นทายาทของอู่เสรีชัย ทำให้เธอได้คลุกคลีกับวงการรถมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อโตมาเธอก็อยากจะมีกิจการของตัวเอง แต่ก็อยากให้เป็นไลน์เดียวกับธุรกิจของที่บ้าน เลยทำให้เธอเลือกที่จะนำเข้ารถบรรทุก ซึ่งในตอนแรกนั้น ครอบครัวของเอมมี่ทักท้วงเพราะเห็นว่าเป็นงานที่หนักเกินหญิง แต่แล้วเธอก็พิสูจน์ตัวเองว่าทำได้ และทำได้ดีซะด้วย
หญิงเก่งคนนี้ทำเองทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ ไม่ว่าจะการหาลูกค้า เจรจาต่อรอง พัฒนาบริหารองค์กร ฯลฯ เธอศึกษาแม้กระทั่งตัวรถอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่าถ้าจะให้ลูกค้าเชื่อมั่น เราก็ต้องรู้จริงเสียก่อน
สำหรับคติในการทำงาน เอมมี่ อมราพร เธอบอกง่ายๆ สั้นๆ ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เราต้องลงมือทำเสียก่อนจึงจะรู้ว่าขีดความสามารถของเรามีแค่ไหน และอย่ากลัวปัญหา เพราะถ้ามันเกิดขึ้นก็แค่แก้ไป
อรุโณชา ภาณุพันธุ์
มาที่แวดวงบันเทิงกันบ้าง ใครที่เป็นคอละครน่าจะรู้จักเธอคนนี้ดี คุณหน่อง อรุโณชา ผู้จัดละครมือทองแห่งไทยทีวีสีช่อง 3 นั่นเอง
ภาพลักษณ์ของคุณหน่องที่ใครๆ คุ้นตา คือผู้หญิงสวมแว่นกลมที่มีรอยยิ้มพร้อมดวงตายิบหยีอยู่เป็นนิจบ่งบอกถึงความเป็นคนอารมณ์ดีและใจเย็น
รู้หรือไม่ว่าคุณหน่องเป็นราชนิกุลตระกูล ภาณุพันธ์ แต่เนื่องจากมารดาคุณหน่องซึ่งเป็นหม่อมเจ้าได้สมรสกับคุณพ่อคุณหน่องซึ่งเป็นคนธรรมดา จึงทำให้เธอไม่มียศนำหน้าใดๆ
คุณหน่อง อรุโณชา จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ทำงานกับฝ่ายผลิตของช่อง 3 เธอค่อยๆ ไต่เต้าจากการเป็นผู้กำกับบท กำกับเวที เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ จนได้เป็นผู้กำกับรายการเอง ซึ่งเธอเป็นผู้กำกับรายการผู้หญิงคนแรกของช่องด้วยนะ
หลังจากมีคนมาชักชวนให้เปิดบริษัท คุณหน่องก็เซย์เยสและก่อกำเนิดเป็นบริษัท Broadcast ที่ผลิตทั้งรายการโทรทัศน์และละครมากมาย ล่าสุดที่ได้รับกระแสตอบรับแบบล้นหลามเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ก็คือละครเรื่องบุพเพสันนิวาส นั่นเอง
นอกจากผลงานด้านบันเทิงแล้ว ตัวคุณหน่องเองก็ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นมากคือรางวัลสตรีผู้นำดีเด่นแห่งเอเชีย และสุดยอดนักธุรกิจสตรีอาเซียน แสดงให้เห็นว่าแม้จะทำงานบันเทิง แต่เธอไม่ได้ทำเล่นๆ !!
อรพรรณ วัชรพล
จากอดีตดาราสาวผู้โด่งดัง นิด อรพรรณ พานทอง ก้าวมาเป็น บอสนิด แห่งค่ายโพลีพลัส แม้ในวัย 50 กว่ากะรัต แต่เธอก็ยังคงสวยเป๊ะสมกับเป็นนางเอกเก่าจริงๆ
นิด อรพรรณ มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย ทั้งหนัง ละคร ถ่ายแบบ ถือว่าเป็นขวัญใจวัยรุ่นในช่วงยุค พ.ศ. 2530 เลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังมีผลงานเพลงด้วย
หลังจากแต่งงานกับ สราวุธ วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นิด อรพรรณ ก็ผันตัวไปทำงานเบื้องหลังวงการบันเทิงแทน โดยก่อตั้งบริษัท Poly Plus ที่เป็นทั้งผู้จัดและผู้สร้างละครโทรทัศน์ และได้ขยายกิจการมาเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้คุณนิดดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัทโพลีพลัส ซึ่งรับทำทั้ง PR จัดอีเวนท์ ออแกไนเซอร์ รวมไปถึงนิตยสาร Oops และยังผลิตรายการโทรทัศน์ด้วย
นิด อรพรรณ มีลูกชายหญิงทั้งหมด 3 คน ซึ่งแต่ละคนก็สวยหล่อและเก่งไม่แพ้คุณแม่เลยทีเดียว
นันทิดา แก้วบัวสาย
แม้จะไม่ใช่นักธุรกิจหญิงอย่างท่านอื่นๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาดามตู่ ยืนหนึ่งเป็นหญิงเก่งแถวหน้าของไทยมาอย่างยาวนานในด้านการร้องเพลง
กว่าที่จะกลายมาเป็นนักร้องเสียงเพราะที่มีชื่อว่า นันทิดา แก้วบัวสาย เธอต้องผ่านการผลักดันของผู้เป็นพ่อแม่อย่างหนัก เพราะแม้จะมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง แต่คุณตู่กลับไม่ชอบฝึกซ้อมและไม่ชอบเรียนร้องเพลงเสียเลย คุณพ่อคุณแม่พาไปประกวดก็ไม่ยอม จนต้องหว่านล้อมหลอกล่อต่างๆ นานา แต่แล้วในที่สุดเธอก็ได้รางวัลนักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยม จากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มาครองในวัยที่อายุยังไม่ถึง 18 ปีดีด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้เธอได้รับโอกาสไปประกวดต่อที่ฮ่องกง และได้รับรางวัลนักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ถือว่าเป็นสาวไทยคนแรกที่คว้ารางวัลระดับนานาชาติในอายุเพียง 19 ปี นับเป็นการปูทางสู่ถนนสายดนตรีอย่างจริงจัง
โดยผลงานของตู่ นันทิดา มีมากมาย ทั้งงานเพลงซึ่งมีหลายสิบอัลบั้ม และเธอยังเคยแสดงภาพยนตร์และละครอีกหลายเรื่อง รวมถึงละครเวทีต่างๆ
และนอกจากเธอจะได้รับรางวัลด้านการร้องเพลงมากมาย อาทิ นักร้องลูกทุ่งหญิงยอดเยี่ยม, รางวัลนักร้องแผ่นเสียงทองคำ ฯลฯ มาดามตู่ ยังเคยได้รางวัลสุพรรณหงส์, รางวัลสตรีตัวอย่าง, ได้รับโล่เกียรติคุณลูกกตัญญูกตเวที ฯลฯ นับว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ